วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มะเร็งเต้านม...ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

มะเร็งเต้านมสามารถรักษาหายขาดได้ หากค้นพบความผิดปกติเร็ว รักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกที่เซลล์ยังไม่ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะอื่น ๆ

การคัดกรองและป้องกันโรคมะเร็งเต้านมจึงเป็นงานสำคัญของหมออนามัยที่ต้อง เร่งดำเนินการให้ประชาชนมีความรู้ และมีแรงจูงใจ ตรวจเต้านมตนเองทุกเดือน ซึ่งการเตรียมความพร้อมในงานดังกล่าวก็คือการติดอาวุธให้กับ อสม.ที่เป็นกำลังหลักของเรา โดยการอบรมให้มีความรู้และฝึกทักษะให้สามารถประเมินการตรวจเต้านมของกลุ่มสตรีเป้าหมายในชุมชนได้


ในปีงบประมาณใหม่นี้ กระทรวงสาธารณสุข กำหนดเป้าหมายให้สตรีอายุ 30 ปีขึ้นไปได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม มากกว่าร้อยละ 80 จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมรับความรู้เรื่องมะเร็งเต้านมและเริ่มตรวจเต้านมตนเองทุกเดือนนะคะ เพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม และหากตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มแรกก็จะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงทีค่ะ

ซึ่งมีผลการศึกษาของ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า การตรวจเต้านมด้วยตนเอง สามารถลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ถึงร้อยละ 50 เลยเทีดียว


มะเร็งเต้านม...จึงไม่น่ากลัวอย่างที่คิด มารู้จักมะเร็งเต้านมกันดีกว่าค่ะ...


มะเร็งเต้านม (Breast Cancer) เป็นมะเร็งที่พบได้มากที่สุดในผู้หญิงไทย จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติในปีพ.ศ. 2550 พบมะเร็งเต้านมมากถึงร้อยละ 40 รองลงมาเป็น มะเร็งปากมดลูก ร้อยละ 18.6 และมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ร้อยละ 6.2 ตามลำดับ


มะเร็งเต้านม พบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ผู้ชายพบน้อยกว่าผู้หญิง ถึง 100 เท่าตัว

มะเร็งเต้านมเกิดจากการเจริญเติบโตมากผิดปกติแบบควบคุมไม่ได้ของเซลล์เนี้อเยื่อเต้านม โดยมีการเปลี่ยนแปลงในสารพันธุกรรมที่ควบคุมการเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์

สาเหตุที่เกิดยังไม่ทราบแน่ชัด มะเร็งชนิดนี้มักเกิดในผู้หญิงเกือบทุกช่วงอายุ โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ

- อายุที่เพิ่มขึ้น พบมากในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งเต้านม

- รวมทั้งพบในผู้หญิงที่ไม่มีบุตร มีบุตรช้าหลังอายุ 30 ปี

- มีประจำเดือนเร็วก่อนอายุ 12 ปี

- หมดประจำเดือนช้าหลังอายุ 50 ปี

ที่สำคัญยังพบว่า หากผู้หญิงที่มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้ จะเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้สูงขึ้น ได้แก่

* ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง

* มีไขมันในเลือด หรือเป็นโรคอ้วน เนื่องจากไขมันคลอเรสเตอรอลจะทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม

อาการเริ่มต้นของมะเร็งเต้านม
มะเร็งระยะเริ่มต้นนั้นมักไม่มีอาการเจ็บ แต่อาจตรวจพบความผิดปกติเกิดขึ้นที่เต้านม ซึ่งอาจเป็นระยะเริ่มต้นของมะเร็งเต้านม ดังนี้

* มีก้อนที่เต้านม (พบมากร้อยละ 15 - 20 )

* มีการเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปร่างของเต้านม

* ผิวหนังเปลี่ยนแปลง เช่น มีรอยบุ่ม ย่น หดตัว หนาผิดปกติ บางส่วนเป็นสะเก็ด

* หัวนมมีการหดตัว คัน หรือแดงผิดปกติ

* มีเลือดออกจากหัวนม (ร้อยละ 20 ของการมีเลือดออกจะเป็นมะเร็ง)

* เจ็บเต้านม (มะเร็งเต้านมส่วนใหญ่ไม่เจ็บ แต่ถ้าเจ็บเพราะมีก้อนโตมากแล้ว)

* มีการบวมของรักแร้พราะต่อมน้ำเหลืองโต

การตรวจเต้านมตนเอง
การตรวจมะเร็งเพื่อหาการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น พบว่าร้อยละ 80 ของเนื้องอกเต้านมผู้หญิง มักถูกตรวจพบครั้งแรกได้ด้วยตนเอง การตรวจเต้านมด้วยตนเองควรทำทุกเดือนตั้งแต่วัยสาวจนถึงวัยสูงอายุ ควรทำหลังประจำเดือนหยุดแล้ว 7-10 วัน เพราะเป็นช่วงที่เต้านมไม่คัดตึงทำให้ตรวจได้ง่าย สำหรับผู้หญิงที่หมดระดูแล้วหรือได้รับการตัดมดลูก จะเป็นการดีถ้าได้ทำการตรวจเต้านมตนเองทุกวันที่ 1 ของเดือน

วิธีการตรวจ 3 ท่า

ทุกท่าจะต้องบิดลำตัวไปทางซ้ายและขวา สังเกตรูปร่าง ลักษณะ ความผิดปกติของผิวหนัง รอยบุ๋ม รอยนูนของเต้านมหรือสิ่งผิดปกติอื่น ๆ ของเต้านมทั้ง 2 ข้าง โดยมีท่าตรวจดังนี

1. ยืนหน้ากระจก

- ปล่อยแขนข้างลำตัวตามสบาย

- ยกแขนทั้งข้างเหนือศีรษะ

- ท้าวเอว เกร็งอกเพื่อให้ผนังทรวงอกกระชับขึ้น

- โค้งตัวมาข้างหน้าใช้มือทั้งสองข้างท้าวเอว ดังรูป







2. นอนราบ

- นอนให้สบาย ตรวจข้างขวาให้สอดม้วนผ้าหรือหมอนใต้ไหล่ขวา

- ยกแขนขวาเหนือศีรษะเพื่อที่จะให้เต้านมด้านนั้นแผ่ราบ ซึ่งจะทำให้คลำง่ายขึ้น โดยเฉพาะส่วนบนด้านนอกของเต้านมจะมีเนื้อหนามากที่สุด และมีการเกิดมะเร็งบ่อยที่สุด ดังรูป

- ใช้กึ่งกลางตอนบนของนิ้วมือซ้าย 3 นิ้ว คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง คลำทั่วเต้านมและรักแร้ ที่สำคัญคือห้ามบีบเนื้อเต้านม เพราะจะทำให้รู้สึกเหมือนเจอก้อนซึ่งความจริงไม่ใช่ และทำวิธีเดียวกันนี้กับเต้านมด้านซ้าย


3. ขณะอาบน้ำ

- สำหรับผู้หญิงที่มีเต้านมขนาดเล็ก ให้วางมือข้างเดียวกับเต้านมที่ต้องการตรวจบนศีรษะ แล้วใช้นิ้วมืออีกข้างคลำไปทิศทางเดียวกับที่ใช้ในท่านอน

- สำหรับผู้ที่มีเต้านมขนาดใหญ่ ให้ใช้นิ้วมือข้างนั้นประครอง และตรวจคลำเต้านมจากด้านล่าง ส่วนมืออีกข้างให้ตรวจเต้านมด้านบน

ลักษณะของการคลำ








- ใช้ 3 นิ้ว (นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง) คลำเป็นรูปก้นหอยวนจากด้านนอกเข้าหาด้านใน

- คลำแบบดาวกระจาย

- คลำเป็นรูปลิ่ม

*** ที่สำคัญควรคลำให้ทั่วเต้านม จนถึงบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้า และใต้รักแร้ เพราะเป็นบริเวณที่พบก้อนมะเร็งได้บ่อยสุด ...






อย่าลืมบีบดูหัวนมทุกครั้งที่ตรวจเต้านมด้วยตนเอง ว่ามีเลือดหรือน้ำออกมาจากหัวนมหรือไม่ เพราะพบได้ร้อยละ 20 ของการมีเลือดหรือน้ำออกจากหัวนมเป็นมะเร็ง




ระยะของมะเร็งเต้านม

* ระยะ 0 เป็นระยะเริ่มต้นของเซลล์มะเร็ง ซึ่งยังไม่ลุกลามไปยังเนื้อเยื่อเต้านม

* ระยะ 1 ก้อนมะเร็งมีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร และยังไม่ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง

* ระยะ 2 ก้อนมะเร็งมีขนาดระหว่าง 2-5 เซนติเมตร ซึ่งอาจจะลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้หรือไม่ก็ได้ หรือมีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร และลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้แล้ว แต่ยังไม่แพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น ๆ

* ระยะ 3 ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร และลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้แล้ว แต่ยังไม่แพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น

* ระยะ 4 มะเร็งแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นแล้ว

การดูแลเต้านม

1. โดยทั่วไปอายุ 20 ปีขึ้นไปก็ควรเริ่มตรวจเต้านมด้วยตนเองแล้ว

2. ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการตรวจคือ 3-10 วัน นับจากประจำเดือนหยุด ส่วนสตรีที่หมดประจำเดือนแล้วให้กำหนดวันที่จดจำง่าย และตรวจในวันเดียวกันของทุกเดือน

3. สำหรับผู้ที่มีประวัติในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

4. ควรตรวเต้านมตนเองทุกเดือน หากท่านตรวจแล้วไม่มั่นใจ ให้ขอรับคำปรึกษาที่สถานีอนามัยใกล้บ้าน หรือศูนย์สุขภาพชุมชนใกล้บ้านท่าน

.........$$$$$................!!!!!..................###............^_^........


ไปชมภาพการอบรมอสม. เพิ่มทักษะในการตรวจเต้านมด้วยตนเอง



ทีมวิทยากร ...ภาคทฤษฎี



ฟังวิธีการตรวจเต้านมแล้ว มาเริ่มทดลองคลำเต้านมกัน...



สอนวิธีการคลำเต้านมจากหุ่น



ฝึกการคลำเต้านมที่พบความผิดปกติ ..5 ตำแหน่ง...



ท่ายืนคลำขณะอาบน้ำ ..อย่าลืมถูสบู่ให้ลื่นก่อนนะคะ



เอ้า ..คุณป้าอสม. สาธิต การตรวจเต้านมด้วยตนเอง พร้อมอธิบายวิธีการตรวจอย่างละเอียด (เข้มจริง ๆ )



หลังอบรม มอบหุ่นตัวอย่าง เพื่อใช้สาธิตการตรวจเต้านมในหมู่บ้าน
เป็นเครื่องมือทำมาหากิน ..(ทำงาน) หมู่บ้านละ 1 ตัว (งบน้อยค่ะ)



หลังการอบรมถ่ายรูปร่วมกันตามระเบียบ


ขอบคุณค่ะที่ติดตามจนจบ...

ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดีไปนาน ๆ นะคะ

เดือนนี้คุณได้ตรวจเต้านมตนเองแล้วรึยัง...^o^

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พ่อครับ

ลองชมดู แล้วคุณจะรักคุณพ่อคุณแม่ของคุณมากขึ้นนะครับ

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เพราะเพื่อนกันนั้น...สำคัญเสมอ

ถึงเพื่อน

ในโลกแห่งความฝันและวันที่เป็นจริง

เรื่องราวทุกสิ่งต่างกันมากมาย

เธอจงเสาะหาพบพานำไป

เพียงรักเต็มหัวใจกำลังใจเต็มทรวง

ถ้าเธอเหนื่อยนักหยุดพักเสียก่อน

ล้มตัวลงนอนแนบตักฉันนี่

จะหนาวจะร้อนจะคอยพัดวี

หลับฝันถึงสิ่งดีหลีกหนีสิ่งเลว...

แม้นเธอปวดร้าวก็ขอเพียงสู้

ฉันยังยืนอยู่คู่เธอมีแหนงหน่าย

หากเธออยากถามว่าฉันคือใคร

ฉันคือหัวใจศรัทธาของผองชน

.................................................."_"





ขอบคุณภาพน่ารัก FW mail : จากเพื่อนอ้อ รพ. สกลฯ
..........................................................^_^.

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ของขวัญจากในหลวง ..

มาส่งข้อความใหม่ค่ะ ...ของขวัญจากในหลวง...


เมื่อเช้าเป็นภาพจากเน็ตค่ะ ตัวหนังสือจะเล็กมาก คิดว่าคงจะอ่านไม่ได้



จึงพิมพ์ใหม่ให้ได้อ่านกันถ้วนหน้า ...



เพิ่มรูปภาพ


" ของขวัญจากในหลวง..."

1. อย่าทำลายความหวังของใคร...เพราะอาจเหลืออยู่แค่นั้น...

2. รู้จักฟังให้ดี...โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่ว ๆ เท่านั้น...

3. จะคิดการใด...จงคิดการใหญ่เข้าไว้ แต่เติมความสนุกสนานเข้าไปด้วยเล็กน้อย...

4. หัดทำสิ่งดี ๆ ให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้...

5. จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น

6. ใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ช่าง...ไม่ต้องเสียเวลาโต้ตอบ...

7. ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ " 2 " แต่อย่าให้ถึง " 3 "

8. เราไม่ได้ต่อสู้กับ คนโหดร้าย แต่เราต่อสู้กับความโหดร้ายในตัวคน

9. เมื่อมีใครสวมกอดคุณ...ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน...

10. อย่าไปหวังเลยว่าชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม

11. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานของตัวเองไม่ใช่มาตรฐานของคนอื่น...

12. คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น

13. ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้...

14. อย่าวิจารณ์นายจ้าง...ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุขก็ลาออกซะ...

15. คำนึงถึงการมีชีวิต "กว้างขวาง" มากกว่าการมีชีวิต "ยืนยาว"...

คงไม่มีข้อคิดไหนจะดีเท่าข้อคิดนี้อีกแล้ว..

"ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"


........................................................................

ของขวัญจากในหลวง ..

สวัสดีค่ะ พี่น้อง ชาวชุมชนจิตใจดีทุกท่าน

ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงในระยะนี้ ดูแลรักษาสุขภาพบ้างนะคะ

เพราะบางวันครึ้มฟ้าครึ้มฝน ฝนตกปรอย ๆ อย่างภาคกลางบางจังหวัดมีฝนชุ่มฉ่ำทั้งวัน

ส่วนทางภาคเหนือ และอีสาน ช่วงเช้าอากาศเริ่มเย็น ๆ หมอกลงเล็กน้อยค่ะ

แต่จะอย่างไรก็ตาม ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจเรื่องไข้หวัด 2009 นะคะ ต้องเฝ้าระวังกันอยู่ค่ะ

หากมีไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป ให้กินยาลดไข้พาราเซตามอล ควบคู่กับฟ้าทะลายโจรครั้งละ 2 แคปซูล ซัก 2 วัน ดูแลตนเองโดยดื่มน้ำบ่อย ๆ วันละมากกว่า 2,000 ซีซีค่ะ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไปนะคะ

วันนี้สีตะวัน มีของขวัญจากในหลวงมาฝากค่ะ เป็น FW mail ที่ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าลืมส่งต่อ ....เพื่อให้หลาย ๆ ท่านได้รับรู้สิ่งดี ๆ ร่วมกัน จึงขอโพสต์ลงในเวปนี้ เพื่อเป็นกำลังใจแก่ทุกท่านค่ะ
" ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"







ขอให้ทุกท่านมีความสุขทุกวันนะคะ
สวัสดีค่ะ.....^_^...

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เกิดมาแล้ว...ไม่แคล้วกัน (ตามแรงกรรม)

วันนี้มีโอกาสได้แวะเข้ามาเขียนที่บ้านหลังนี้ หลังจากที่ห่างหายไปซะนานเลยค่ะ เพราะยุ่งอยู่กับการหาข้อมูลสุขภาพ และวิธีดูแลรักษาผิวเป็นสิวที่ http://bye-bye2acne.blogspot.com มาสัก 2 เดือนได้แล้ว

สิ่งที่บีมจะเขียนวันนี้ เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นจากประสบการณ์ชีีวิตที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของ "กรรม และ ความผูกพัน" และแน่นอนว่ามันจะเกี่ยวกับสิ่งที่มนุษย์เราเรียกว่า "ความรัก"

บีมเคยทุกข์ใจกับเรื่องรัก ๆ มามาก เพราะเป็นคนที่คาดหวังสูง เป็นพวก Perfectionism มาก่อน

อะไรก็ต้องที่หนึ่ง

คิดว่าโลกนี้จะต้องมีอะไรที่ดีที่สุด และเหมาะทีุ่สุดสำหรับเรา

และบีมก็ออกตามหาสิ่งนั้น

ไม่เคยพอใจ ไม่เคยสุขใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่

จนวันนี้ ที่ได้เรียนรู้ว่า การเกิดมาอยู่บนโลกใบนี้ คือ สิ่งที่เป็นผลกรรมที่เราทำมา

เกิดมามีรูปร่างหน้าตาอย่างไร และจะได้พบเจอใคร เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดมาแล้วโดยผลกรรมในอดีตของเราแทบทั้งสิ้น

ไม่ใช่ใครอื่น แต่ตัวเราทั้งนั้นค่ะ ที่เกิดมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ ทำอะไรกับใครมาไ่ม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

สั่งสมทั้งดีชั่วมามากมาย

จิตที่วิทยาศาสตร์เรียกว่าจิตใต้สำนึกจะเป็นตัวเก็บรวบรวมข้อมูลในชีิวิตที่ผ่านมาทั้งหมด

นั่นทำให้การสะกดจิตระึลึกชาตินั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับบางคน และเป็นไปไม่ได้สำหรับบางคน

เพราะความนิ่งของจิตไม่เท่ากัน ใครจิตนิ่งมาก ก็สามารถจะดำดิ่งลงไปในอดีตได้มากเท่านั้น ใครได้ไม่มากก็ระลึกได้แค่เพียงชาตินี้ในวัยเด็ก

ที่ว่า เกิดมาแล้ว...ไม่แคล้วกัน นั้น บีมหมายถึงว่า

ในชาติที่แล้ว ๆ มา เราย่อมมีความผูกพันทางใจ ทั้งรัก เกลียด อาฆาต อิจฉา ฯลฯ อยู่ที่ว่าใจและตัวตนของเราจะปรุงแต่งไปทางใด กับใครบ้าง

สิ่งที่เรารู้สึกและประสบมา จะถูกบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกทั้งหมด

เหมือนเป็น portfolio ชีวิต

จิตที่ยึดติดกับอารมณ์เหล่านี้ ถ้าหากไม่เรียนรู้และรู้จักปล่อยวาง หรือให้อภัย มันจะติดตัวไปในชาติใหม่

ยกตัวอย่างว่า ใครตายด้วยจิตอาฆาต แต่ว่ามีบุคคลที่ตัวเองรักอยู่ และห่วงหาอาทรบุคคลนั้น

ในชาติใหม่ จิตที่แรงกว่าคืออาฆาต อาจจะเกิดมาเป็นงู และจะเสาะหาหรือได้ไปเกิดใกล้ ๆ กับบุคคลที่ตนรักนั้น และจะไม่ทำร้ายคนคนนั้น เป็นต้น

นี่ทำให้เราได้เห็นเรื่องมหัศจรรย์บนโลกมากมาย

แต่จริง ๆ ล้วนแล้วแต่เ็ป็นเรื่องของจิตปรุงแต่งทั้งสิ้น

นั่นหมายถึงว่า แม้เราจะไปทำให้ใครโกรธ รัก หรือเกลียด และตัวอยู่ห่างกันไป แต่ใจยึดติดอารมณ์นั้น

ถ้าหากนาน ๆ ไป ทั้งคู่ยังคงยึดติดอารมณ์นั้น ในที่สุดเค้าจะมาเจอกันอีก

แต่ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้อภัย หรือละความรู้ึสึกนั้นไป ก็อาจจะไม่ต้องมาเจอกันอีก แต่แรงอาฆาตที่เป็นพลังงานส่งจากอีกฝ่ายนั้น ก็จะคอยเป็นพลังขัดขวางไม่ให้อีกคนทำอะไรสำเร็จ

แต่ถ้าหากทั้งคู่ ให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ยึดติดอารมณ์นั้น ทั้งคู่จะเป็นอิสระจากกัน และช่วยทำให้เข้าใกล้จุดนิพพานมากขึ้นไป

ดังนั้น เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงมาเจอเจ้านายแบบนี้ แฟนแบบนี้ พ่อแม่แบบนี้

ถ้าเจอคนดี ๆ ก็ไม่ต้องไปยินดี เพราะนี่คือผลจากการที่เราเชื่อมบุญและสร้างความดีร่วมกันมาในอดีต จึงทำให้เกิดมาด้วยจิตผูกพันเพื่อช่วยเหลือกัน

ถ้าหากเจอคนไม่ดี ก็ไม่ต้องยินร้าย เพราะนี่คือผลจากการที่เราสร้างสิ่งไม่ดีให้แก่กันและเกิดจิตพยาบาท แล้วต้องมาเจอกันอีก

ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า "การให้อภัยคือทานสูงสุด"

เพราะจะช่วยให้แต่ละคน แต่ละดวงวิญญาณค่อย ๆ หลุดพ้นจากสังสารวัฎได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก

และข้อคิดสำคัญของคนที่ทุกข์ใจกับความรักก็คือ

ไม่ว่าใครก็ตามที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วย ขอให้สร้างกรรมใหม่ที่ดี เชื่อมบุญแก่กัน หากจะเลิกรากัน ก็ขอให้ไม่มีจิตอาฆาตพยาบาทต่อกัน หากจะเลิกรากันก็ขอให้ไปด้วยความเข้าใจ เห็นใจ ให้อภัย ไม่ยึดติดในอารมณ์ใด ๆ แก่กัน

เพราะถ้าไม่มาเจอกันอีกในชาตินี้ ก็ต้องเจอกันอีกในชาติต่อไป

หรือ ความเจ็บปวดนั้นก็อาจจะสาปแช่งไม่ให้อีกคนสมหวังในความรัก ทั้งที่ไม่ได้มาเจอกันอีก

ในกรณีของบีม

แฟนคนปัจจุบันนี้ ตอนแรกบีมขอเลิกกับเค้าหลายครั้งมากค่ะ และบีมก็มีคนอื่น ๆ เข้ามาในชีวิตมากมาย และเราต่างก็เกิดปัญหากันหมด

บีมกับแฟนก็ทะเลาะกัน ไม่ไว้ใจกัน
คนที่เข้ามาก็ทุกข์ใจ อยากจะได้เราไป

คือ มีแต่กองทุกข์ทั้งนั้น

ปีนี้ บีมคิดได้...

ถ้าคิดจะมีคู่ คนเดียวก็พอ นั่นคือข้อแรก
ข้อที่สอง คือ ทำมันให้ดีที่สุด อย่าให้ได้จองเวรตอนจากกัน

และในตอนนี้ บีมทำใหม่...
บีมไม่ได้คุยกับใครอื่นอีกเลย เพื่อสร้างความไว้วางใจ
บีมทำบุญร่วมกันกับเค้า
บีมทำดีกับเค้าด้วยความจริงใจ
บีมไม่คาดหวังอะไรจากเค้า

และตอนนี้เราต่างก็ไม่ทุกข์ใจ

บีมถือว่า คู่บีมกับเค้านี้แรงดึงดูดมันแรงมาก ๆ เพราะตัดกันไม่ขาด
เราเคยพยายามหลายครั้ง แต่ไม่ไปจากกัน ทั้งที่ตอนนั้นอยู่ด้วยกันก็ทรมาน

บีมเลยคิดว่า อืม...เราคงเคยทำอะไรเค้าไว้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องชดใช้และสร้างกรรมใหม่ต่อกันในทางที่ดี

เราอย่าไปคิดว่า การชดใช้กรรม มันไม่ดีนะคะ

บีมอยากให้ลองมองใหม่

ลองนึกดูว่า...แค่ในชาิตินี้ เรายังมีศัตรู คนรัก คนชังตั้งมากมายตั้งแต่เราเกิดมา

ถ้าหากคนไหนที่เราขอโทษ แล้วเค้ายกโทษให้ ทั้งสองฝ่ายก็สบายใจ
หรือ ถ้าหากไปขอโทษ แล้วเค้าไม่ยอม จนกว่าเราจะทำอันนั้นอันนี้ให้ สุดท้ายพอเห็นเราตั้งใจว่ามาขอโทษ เค้าก็ยกโทษให้ แล้วขาดกรรม ขาดจิตผูกพันจากกันไป

นี่เป็นสิ่งที่เราเห็นในชาตินี้

ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการขออโหสิกรรมนั่นล่ะค่ะ ที่เราต้องตั้งใจจริงที่จะขอ ทำความดี ทำซ้ำ ๆ ทำสมาธิสวดมนต์ด้วยความรู้จริงว่าทำเพื่ออะไร ตั้งใจจะขอขมาเค้า

แต่ถ้าหากเค้าให้เราต้องทำอะไรก่อน หรือเค้าอยากเห็นเราเป็นนั่นเป็นนี่ ทรมานก่อน นั่นก็คือ การใช้กรรมอีกอันให้หมดไปค่ะ จงยินดีเถอะ ถ้ามันเกิดขึ้น และตอนที่เราทรมาน ก็ขอให้นึกถึงสิ่งที่เราเคยทำในอดีต ว่าเราเคยไปทำอะไรให้ใครเจ็บแบบที่เราเจ็บตอนนี้มั้ย แล้วก็อุทิศบุญให้เค้าสม่ำเสมอ จนกว่าเราจะหายทรมาน

สิ่งสำคัญคือ อย่าพร่ำบ่นเวลามีความทุกข์ค่ะ
ขอให้คิดว่า เรากำัลังใช้หนี้ให้เค้าอยู่ ถ้าหากหมดแล้ว หรือเราตั้งใจขอโทษเค้าแล้ว แล้วเค้ายกโทษให้ ผลลัพธ์คือ เป็นอิสระจากกัน

ดังนั้น การชดใช้กรรมเป็นสิ่งที่ดีค่ะ

และคนที่มีปัญหาในความรัก ให้ลองทบทวนความคิดของตัวดูใหม่
ไม่ว่าจะเจอใครก็ตาม ขอให้ทำดีกับเค้า แม้ว่าเค้าจะร้ายกับเราแค่ไหนก็ตาม

ทำดีด้วยใจบริสุทธิ์จนกว่าเค้าจะยอมให้อภัยเรา (จริง ๆ เค้าก็คือเจ้ากรรมนายเวรเราที่มีตัวตนนี่ล่ะค่ะ)
เชื่อมบุญกันใหม่ ถ้าเชื่อมติด ก็จะกลายมาเป็นกัลยาณมิตรกันต่อไป กรรมเก่าก็ใช้หมดสิ้นแล้ว

และตอนนี้บีมก็มีความสุขกับชีวิตคู่ของบีมดีค่ะ เลิกคาดหวัง และทำมันให้ดีที่สุด
เชื่อมบุญใหม่...

หวังว่าเพื่อน ๆ คงได้ข้อคิดไปไม่มากก็น้อยนะคะ :-) คิดแบบนี้แล้วใจสบายค่ะ เบา โปร่ง โล่ง ดี