skip to main |
skip to sidebar
ที่มา หนังสือพิมพ์ มติชน
คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน
โดย วินิทรา นวลละออง
แทบไม่น่าเชื่อว่า ผลงานเรื่อง Galaxy Express 999 ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2520 คือ 31 ปีก่อน หนึ่งปีต่อมาก็สร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนทางโทรทัศน์และได้รับความนิยมจนฉากออกมาถึง 113 ตอน ในช่วงเวลาเพียง 4 ปี มีการ์ตูนเพียงไม่กี่เรื่องในธุรกิจอุตสาหกรรมการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นสามารถทำได้ค่ะ และที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าคือ เมื่อนำต้นฉบับดั้งเดิมมาพิมพ์ใหม่และเพิ่งหยิบอ่านเมื่อกี้ เนื้อหาแนวไซไฟซึ่งควรตกยุคไปไกลแบบไม่เห็นฝุ่นกลับร่วมสมัยและไม่มีความเชยแม้แต่น้อย ตัวละครหลักอย่างเมเธลสาวงามเหมือนหลุดมาจากภาพกำเนิดวีนัส และเท็ตสึโร่ ได้สร้างเอกลักษณ์ของตนเองขึ้นมาและทำให้ผู้คนจดจำพวกเขาได้ ไม่มีวันล้าสมัยแม้ว่าจะผ่านไปอีกเป็นร้อยปีก็ตาม
วันนี้นั่งอ่านเล่ม 7 ค่ะ รู้สึกกินใจจนต้องยกมาคุยเสียหน่อย ตอนที่อ่านแล้วรู้สึกว่า "ใช่เลย!" คือ "ดวงดาวแห่งอนาคต" แวบแรกคิดว่าต้องเป็นดาวที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทคมากมายแน่ๆ แต่อนาคตของการ์ตูนเมื่อสามสิบปีก่อนอาจจะหมายถึงดาวที่เต็มไปด้วยหุ่นยนต์ก็ได้
แต่เมื่อเมเธลกับเท็ตสึโร่ลงมาที่ดาวนี้ ทุกอย่างรอบตัวกลับไม่เป็นเหมือนอย่างที่คิด บ้านทุกหลังเหมือนญี่ปุ่นยุคหลังสงคราม เต็มไปด้วยบ้านเก่าๆ ที่ซ่อมแล้วซ่อมอีกเหมือนเพิ่งผ่านพายุมาหมาดๆ กระทั่งโรงแรมที่รถด่วน 999 จัดให้ยังซอมซ่อจะพังมิพังแหล่ แตกต่างจากโรงแรมอื่นที่เท็ตสึโร่เคยเห็น เพราะไม่มีพนักงานต้อนรับหรือห้องพักหรูหรา
ความเป็นอยู่ของคนบนดาวนี้เรียบง่ายไม่ซับซ้อนค่ะ ทุกคนดูโผงผางตรงไปตรงมาและขยันขันแข็งทำงาน อาหารที่นำมาให้ก็พูนจานและจัดวางเหมือนอาหารกรรมกร คือไม่เน้นความสวยงามทั้งที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้รสชาติสำหรับอาหารญี่ปุ่น ห้องอาบน้ำรวมถ้าไม่ร้อนก็มีคนคอยบริการเติมฟืนให้ ลูกสาวเจ้าของโรงแรมช่วยขัดตัวเท็ตสึโร่ (ด้วยแปรงขัดพื้น) เรียกว่าเรียบง่าย ไม่พิธีรีตองแต่จริงใจกันทั้งดาวค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้น แทนที่จะเป็นเช้าสดใสกลับกลายเป็นเช้าที่ยับเยินเนื่องจากมีพายุแปลกๆ พัดโรงแรมทั้งหลังพังหมด ไม่เหมือนพายุในบ้านเรานะคะ พายุขี้โม้ในการ์ตูนเขาพัดพังแค่จุดเดียวค่ะ ผลคือทุกอย่างในโรงแรมกระจัดกระจายหายไปทั่วเมือง แต่เจ้าของโรงแรมกับลูกสาวก็ยังยิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปัญหาคือบัตรผ่านขึ้นรถด่วน 999 ของเมเธลและเท็ตสึโร่ก็หายไปกับข้าวของทั้งหมดด้วย เหลือแค่เสื้อผ้าติดตัวคนละชุด
วินาทีนั้นเท็ตสึโร่สงสัยเจ้าของโรงแรมและลูกสาวขึ้นมาทันที เป็นไปได้อย่างไรที่โรงแรมพังทั้งหลังแต่สองคนนั้นยังหัวเราะได้ คำตอบมีอย่างเดียวคือ สองคนนั้นต้องขโมยบัตรผ่านและวางแผนจะขึ้นรถด่วนแทนพวกเขาแน่
อ่านถึงตรงนี้ก็พยักหน้าค่ะ เห็นด้วยๆ แต่เมเธลกลับบอกว่า "เท็ตสึโร่จะสงสัยคนที่นี่ไม่ได้นะ" นั่งรอซักพักก็มีคนเอาราเมงมาให้กินและปลอบใจว่าไม่ต้องกลัว ซักวันต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่ เท็ตสึโร่ถึงกับยิ้มออกเลยค่ะ เขาสาบานว่าแม้บัตรจะถูกขโมยและต้องติดอยู่ที่ดาวนี้ แต่ซักวันเขาต้องไปยังดาวที่ต้องการให้ได้ เขามองเห็นตัวเองในอนาคตเป็นอย่างนั้น
ในที่สุดของทั้งหมดรวมถึงบัตรผ่านก็ถูกนำมาคืนให้ทั้งสองจนได้ ของทุกชิ้นถูกพายุพัดกระจายไปทั่วเมือง แต่ชาวเมืองก็ร่วมแรงร่วมใจหามาให้ได้ครบทุกชิ้น เท็ตสึโร่อ้าปากค้างเลยค่ะ เขาถามว่า ไม่ขโมยบัตรไปขึ้นรถไฟเหรอ เจ้าของโรงแรมก็หัวเราะแล้วบอกว่า จะขโมยทำไม ของแบบนั้นแค่ตั้งใจทำงาน ซักวันก็ซื้อเองได้ โรงแรมพังแล้วแต่มือเท้ายังอยู่ก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้
และเพราะทุกคนเชื่อมั่นว่าความพยายามจะนำมาซึ่งอนาคตที่ดี จึงไม่มีใครอิจฉาอยากมีของที่คนอื่นมี เพราะถ้าคนอื่นมีได้ ซักวันเราก็ต้องมีได้เช่นกัน แต่ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
อ่านจบแล้วรู้ทันทีว่าเมเธลให้เท็ตสึโร่แวะที่ดาวนี้ทำไม เท็ตสึโร่เติบโตขึ้นและเริ่มมองเห็นอนาคตของตัวเอง ในระหว่างที่คนอ่านก็โตขึ้นและดีใจที่ยังมือสองมือสองเท้าให้ทำงานได้เช่นกัน
ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ได้ยินสุภาษิต "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" มาตั้งนานแต่ไม่เคยซาบซึ้ง แต่เพียงแค่อ่านการ์ตูนเรื่องเดียวก็เข้าใจอย่างซาบซึ้งเลยค่ะ ความดีเห็นทีจะแค่สอนไม่ได้ ต้องนำเสนออย่างน่าสนใจด้วยนะคะเด็กๆ ถึงจะยอมทำตาม
"...ไม่ขโมยบัตรไปขึ้นรถไฟเหรอ เจ้าของโรงแรมก็หัวเราะแล้วบอกว่า จะขโมยทำไม ของแบบนั้นแค่ตั้งใจทำงาน ซักวันก็ซื้อเองได้ โรงแรมพังแล้วแต่มือเท้ายังอยู่ก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้
ตอบลบและเพราะทุกคนเชื่อมั่นว่าความพยายามจะนำมาซึ่งอนาคตที่ดี จึงไม่มีใครอิจฉาอยากมีของที่คนอื่นมี เพราะถ้าคนอื่นมีได้ ซักวันเราก็ต้องมีได้เช่นกัน แต่ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง.."
ชอบประโยคของเจ้าของโรงแรมนี่จัง
คนที่จะมีอนาคตเป็นอย่างไร...
ดูจากความเพียรพยายามในอดีตและการคิดในปัจจุบันจริงๆ