|
"ชีวิตไม่เคยมีอะไรที่แน่นอน เราต้องอยู่กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงให้ได้"
"ชมพู่" ภูริดา บัวทรัพย์ หญิงสาววัย 30 ปี เปรยขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากที่ค้นพบ "สัจธรรม" ของชีวิต เมื่อขณะที่อนาคตของเธอกำลังเจริญรุ่งโรจน์ แต่ชะตาชีวิตพลิกผัน เส้นเลือดในสมองแตกถึง 3 ครั้ง
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว บัณฑิตสาวจากคณะพาณิชย ศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกำลังจะไปศึกษาต่อที่เมืองนอก วันหนึ่งขณะที่รับประทานอาหารที่เอสซีบีปาร์ค จู่ๆ ก็ปวดหัวมาก จนถึงขั้นสลบไป เมื่อส่งโรงพยา บาลก็พบว่า เส้นเลือดในสมองแตก หรือเรียกว่า เอ วี เอ็ม คือภาวะการต่อกันของเส้นโลหิตดำและโลหิตแดงไม่สมบูรณ์
"ชมพู่โชคร้าย เพราะปกติแล้วคนทั่วไปน่าจะมีสัญญาณเตือนก่อนไม่ว่าจะปวดศีรษะหรือ อะไรสักอย่าง แต่นี่ไม่มีอะไรเลย แล้วจุดที่แตกคือตรงกลางกระโหลกใกล้ๆ กับเส้นเลือดใหญ่"
วิธีการรักษาต้องผ่าตัดสมองอย่างเร่งด่วน ด้วยการแหวกก้อนสมองที่เหมือนฟองเต้าหู้ เจาะกะโหลกแล้วเอาเครื่องมือเข้าไปแหวกดูว่า ตรงไหนที่มันแตกแล้วก็ห้ามเลือดตรงนั้น
|
วินาทีเป็นวินาทีตายตอนนี้ คุณพ่อภูริดาเล่าแทนขณะบันทึกรายการเจาะใจ ซึ่งจะออกอากาศวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ว่า หมอผ่าตัด 2 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ปกติเคสแบบนี้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ในใจคิดว่าลูกสาวไม่รอดแน่ แต่หมอก็บอกว่าให้รอลุ้นว่าเลือดจะหยุดไหลหรือไม่ เป็นเวลา 3 วัน ในที่สุดก็ฟื้น แต่หลังจากนั้น 2 เดือน หมอแนะนำให้ตรวจอีกครั้ง เพราะโรคนี้มีโอกาสที่จะมีหลายจุด แล้วก็พบจริงว่ามีอีกจุดหนึ่งที่หากปล่อยไว้ "ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย" การผ่าตัดครั้งที่ 2 จึงเกิดขึ้น
ผลจากการผ่าตัดสมองทำให้สมองของภูริดาถูกทำลายบางส่วน เจาะทางซ้ายเสียหายทางขวา การเคลื่อนไหวทั้งหมดทางซีกขวาเป็นอัมพาตทั้งหมด การพูด ความสัมพันธ์ การควบ คุมอารมณ์ให้เป็นปกติสูญหายหมด แต่ไม่เสียส่วนความทรงจำ ต้องทำกายภาพบำบัด หัดเดินใหม่ เพราะสมองซีกขวาใช้การไม่ได้
เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี ภูริดาเริ่มช่วยเหลือตัวเองได้ เริ่มเดินได้โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยเดิน เริ่มพูดรู้เรื่องไม่สับสน แต่วันหนึ่งเธอรู้สึกปวดหัว คอแข็ง คุณพ่อแน่ใจว่าอาการเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงรีบนำภูริดาเข้าโรง พยาบาล เมื่อสแกนแล้วก็พบว่า เส้นเลือดในสมองเจ้าปัญหาใกล้จะแตกเต็มทีแล้ว และที่สำคัญคือ อยู่ในตำแหน่งที่ลึกมาก จุดค่อนข้างอันตราย
"ไปอยู่โรงพยาบาลอีก 2 อาทิตย์ หมอทำอะไรไม่ได้เลย เขาปวดมาก ต้องเจาะหลังเอาน้ำออก เพราะแรงดันมันเยอะ หมอบอกวิธีรักษา 3 ทาง คือ 1.ใช้กาวอุดรอย 2.ใช้รังสี 3. ผ่าตัด ทุกวิธีมีผลข้างเคียงต่อสมองเหมือนกัน สุดท้ายต้องให้ชมพู่เลือกเอง ซึ่งเขาเลือกผ่าตัดเหมือนเดิมคือใช้เครื่องมือดูดเอาเลือดออก"
ในที่สุด การผ่าตัดสมองครั้งที่ 3 ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ทว่า...การฟื้นฟูกายภาพ ภูริดาต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ ทั้งเรื่องการหัดพูด หัดเดิน
ผ่านจุดวิกฤตถึง 3 ครั้ง ชมพู่บอกว่า กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หลายครั้งที่ท้อแท้ เพราะตั้งแต่กลายเป็นอัมพาต เธอสูญเสียสิ่งที่เธอรักหลายสิ่ง ทั้งการงาน ความฝันที่จะไปศึกษาต่อ และคนรัก
"ตอนที่มันหมดทุกอย่าง เคยคิดอยากฆ่าตัวตายด้วย ไปเอามีดมาแล้ว แต่มีดมันเล็ก ตั้งใจจะกรีดข้อมือแล้วหลับไปเลย แต่พอดีแฟนเข้ามาพอดี ก็คิดว่าไม่ทำอีกแล้วนะ ฆ่าตัวตายนี่บาปมากเลย ก็ขอไปบวชที่อยุธยา 9 วัน แต่อ่านหนังสือไม่ออก หลังจากนั้นก็คิดว่า ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่จะทำยังไงเราก็คิดว่า ต้องหัดทำอะไรด้วยตัวเองให้ได้ หัดเดิน เรียน ก ข ค ใหม่ ตอนนี้ชีวิตไม่ลำบากแล้ว กำลังใจต้องมาก่อน ต้องมาจากตัวเราก่อน ชมพู่ศึกษาธรรมะจากพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ท่านบอกว่า ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ถ้ามือข้างขวาใช้ไม่ได้ ก็ใช้อีกข้างหนึ่งสิ หลังจากนั้นชมพู่ก็ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ตากผ้า ใส่เสื้อ ทำเองหมด"
หากจิตใจเข้มแข็ง แม้ร่างกายไม่สมบูรณ์ ก็สามารถ "แกร่ง" และพร้อมเผชิญหน้ากับอุปสรรคทั้งปวง
ชมพู่ นี่เพื่อนผมเอง เรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ มอสี่เลย
ตอบลบตอนเด็กๆ เธอออกจะร่าเริง พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น เค้าก้อไ่ม่ร่าเริงอีกนาน (ยิ่งได้เห็นตอนผ่าตัดเสร็จใหม่ๆ จะรู้สึกได้เลย)
Hello. This post is likeable, and your blog is very interesting, congratulations :-). I will add in my blogroll =). If possible gives a last there on my blog, it is about the TV de Plasma, I hope you enjoy. The address is http://tv-de-plasma.blogspot.com. A hug.
ตอบลบพึ่งรู้เรื่องชมพูตอนที่พี่สาวแนะนำให้อ่านหนังสือค่ะ
ตอบลบรู้สึกว่าชมพูเป็นคนที่น่าทึ่งมากๆๆ
ขอชื่นชมและขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
เพชร
ขอเป็นกำลังใจให้น้องพู่นะครับ จิงจิงพี่เคไม่ได้รู้จักกะน้องพู่โดยตรงนะครับ แต่เผอิญวันนี้ไดมีโอกาสไปอ่านหนังสือของน้องพู่เข้า ให้แง่คิด ประโยชน์มากมาย และนอกจากนั้นที่สำคัญสุด คือ ให้กำลังใจคนที่กำลังมีทุกข์ไม่ว่าจะแตกต่าง หรือ ขนากมากน้อยไม่เท่ากัน ได้มีกำลังใจอยากจะฮึดสู้อีกครั้งและต่อไปนะค่ะ ขอให้น้องพู่มีความสุข และแข็งแรง แฮปปี้นะครับ รักและห่วงใยคับ พี่เค
ตอบลบชื่อ เจือทิพย์ เลขกำลัง = 51
ตอบลบบ่งถึงความสำเร็จ มีมิตรสหายมาก มีรสนิยมทางศิลปะ มีฝีมือละเอียดอ่อนประณีต มีอำนาจ มีสติปัญญาแตกฉาน อำนวยให้เกิดความสำเร็จ
นามสกุล บัวทรัพย์ เลขกำลัง = 46
ดีเช่นเดียวกัน มากไปด้วยมิตรสหายคนรักใคร่ ชีวิตมีแนวโน้มประสบความสำเร็จดี ที่ควรระวังก็คือ มักเป็นคนใจอ่อน อาจตกอยู่ในการครอบงำของคนอื่นได้ง่ายอาจนำไปสู่ความหายนะ
ชื่อ+นามสกุล เจือทิพย์ บัวทรัพย์ เลขกำลัง = 97
เป็นเลขแห่งความสำเร็จอีกเลขหนึ่ง ชีวิตจะก้าวหน้ารุ่งโรจน์ดี มีสมัครพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก มักเข้มแข็งในหน้าที่การงาน มีสมรรถภาพดีเยี่ยม เป็นหัวหน้าที่ลูกน้องยำเกรง แต่ในชีวิตต้องระวังอุบัติเหตุ อาจถูกทำร้ายจากกรรมเก่า ต้องหมั่นทำบุญ
ชื่อ ภูริดา เลขกำลัง = 13
เป็นดาวคู่ศัตรูเมื่อมาอยูร่วมกันทำให้เกิดอิทธิพลได้ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายเกิดขึ้นได้อย่างฉับพลันคือ จะให้คุณและโทษ อย่างรวดเร็ว จะเกิดอุบัติเหตุอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ดังนั้นบุคคลเลข 13 จึงมักจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งดีและร้าย ส่วนพิเศษ คือมักจะส่งผลดีอย่างรวดเร็ว ทำให้มีโชค เช่นเดียวกันบุคคลเลข 13 มักจะมีความคิดเห็นแปลกไม่เหมือนคนอื่นบางครั้งชอบทำตัวเด่นแปลกแนว กล้าแบบไม่ต้องกลัวใครจึงมักส่งผลให้เกิดอันตราย ในบั้นปลาย ต้องระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ การผ่าตัด ถูกอาวุธถูกศัตรูทำร้าย ครอบครัวมีปัญหาแตกร้าว ไม่ปกติสุข ผู้ใหญ่ให้โทษทีเดียว ถึงกับไม่มีตึกชั้น 13 หรือห้องที่ 13
นามสกุล บัวทรัพย์ เลขกำลัง = 46
ดีเช่นเดียวกัน มากไปด้วยมิตรสหายคนรักใคร่ ชีวิตมีแนวโน้มประสบความสำเร็จดี ที่ควรระวังก็คือ มักเป็นคนใจอ่อน อาจตกอยู่ในการครอบงำของคนอื่นได้ง่ายอาจนำไปสู่ความหายนะ
ชื่อ+นามสกุล ภูริดา บัวทรัพย์ เลขกำลัง = 59
ถือเป็นเลขมงคล เป็นคนยึดมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อถือในศาสนา และศรัทธาความเร้นลับของธรรมชาติ มักเป็นคนหัวเก่า รักความยุติธรรม เชื่อในวิญญาณ ชอบในเรื่องพิธีกรรมและโชคลางต่าง ๆ สนใจในศาสตร์เร้นลับเป็นคนมีลางสังหรณ์ดีเยี่ยม บุคคลเลข 59 จะเป็นคนที่ได้รับความสำเร็จในทางนี้โดยเฉพาะ
พี่เค ไม่แน่ใจว่าน้องพู่จะเชื่อเรื่องศาสตรืตั้งชื่อหรือป่าว แต่ก็ขอช่วยเอาข้อมูลมาเพิ่มเติมให้นะครับ
ขอให้สุขภาพน้องพู่แข็งแรง และ ร่าเริงสดใสนะค่ะ
เทคแคร์จ๊ะ เป็นกำลังจัยให้นะครับ