.
ผมไม่รู้ว่าผมนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์มานานเท่าไหร่แล้ว แต่ที่รู้ก็คือตอนนี้ ตีสองแล้ว ผมจำได้ว่าเพิ่งละออกจากหน้าจอไปกินข้าวเย็นเมื่อสองทุ่ม หลังจากที่อยู่กับมันมานานพอควร พอมีเรี่ยวแรงสักหน่อยแล้ว ผมก็กลับมานั่งต่อ และก็ยังคงนั่งอยู่จนถึงบัดนี้
กับการนั่งหน้าจอ นาน ๆ ขนาดนี้ ก็คงรู้ได้เลยว่านี่ไม่ใช่การนั่งทำงาน แต่เป็นการนั่งคุย คุยกับคนที่ไม่รู้จัก คุยกับคนที่มีตัวตนอยู่จริง แต่ใช้ตัวตนสมมติแอบแฝงบทบาทอยู่ในโลกไซเบอร์ แต่ก็แปลกการนั่งคุยของผมทั้งวันนี้ มันเหมือนจะเปล่าประโยชน์ ผมไม่ได้เพื่อนใหม่ และผมก็ไม่พบเพื่อนเก่าที่เคยมักคุ้นกันในโลกแห่งนี้ ที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ ความรู้สึกเสียววาบ ๆ จนขนแขนตั้งชันเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ ผมคิดว่าอากาศกำลังจะเปลี่ยน ปกติแล้วร่างกายผมก็ไวต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว
ตอนนี้ฝนเริ่มเทลง มาแล้ว ความหนาวแทรกซึมผ่านร่างทางนิ้วมือที่จับจองเนื้อที่อยู่บนคีย์บอร์ดซึ่ง กำลัง คืบคลานไปค้นหา หาเพื่อนใหม่ พร้อมกับความรู้สึกวาบ ๆ ปลาบแปลกตามผิวกาย ที่ยังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ย้อนกลับไปเมื่อคืน ก่อน คืนที่ผมก็นอนไม่หลับอีกเหมือนเคย และต้องใช้หนังสือที่เรียงรายในตู้ขนาดย่อมหัวเตียงมาช่วยทำลายความคิด ฟุ้งซ่านในหัว เหมือนปกติที่ผมมักจะสุ่มหยิบเล่มไหนก็ได้มาอ่านเพื่อให้หลับ เมื่อคืนผมเลือกเจอหนังสือที่เคยอ่านจบแล้ว แต่เอามาอ่านเล่นอีก ช่วงอายุที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เนื้อความ เข้าใจในหนังสือเปลี่ยนไปก็ได้ ผมเลือกที่จะหยิบ Only love is Real เราจะข้ามเวลามาพบกัน ลงมา ด้วยเพราะปกที่แปลกตาและหยิบง่ายกว่าเล่มอื่น ๆ
ผมคิดเริ่มต้น เพียงเท่านั้น แต่เมื่อเริ่มอ่านแล้วก็อ่านไม่หยุด ความง่วงหายไปจากที่เคยต้องการ บัดนี้ผมไม่ต้องการมันอีก ผมนอนอ่านอย่างบรรจง และพิเคราะห์อย่างพิจารณาเรื่องของ ชาติภพ การตายแล้วเกิดใหม่ จิต วิญญาณ ความรักและความตาย ทุกอย่างที่รวมกันอยู่ในหนังสือเล่มนี้
ตอนนี้ก็เวลาตีสองครึ่งแล้ว แวบหนึ่งแทนที่จะเป็นความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นที่ปลายผิวกายเหมือนเคย คราวนี้การวาบไหวไปเกิดที่หน้าจอ Monitor และเสียงร้องติ๊ด ติ๊ด เตือนจากลำโพง Speaker ของเครื่อง ความวาบไหวเกิดขึ้นชั่วขณะ ผมคิดว่าคงด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งมักจะเกิดขึ้นบ่อยอยู่แล้วเนื่องจาก สัญญาณของเครื่องสื่อสาร ฝนข้างนอกตกหนักขึ้นจนผมไม่ได้ยินเสียงอะไรอื่น หน้าจอวูบไหวกลับมาเป็นปกติ ผมเหม่อมองหน้าจอต่อ เหมือนรอคอยใครสักคน
Blink k k k kk เสียงเหมือนเวทย์มนต์ของนางฟ้า บอกให้รู้ว่าขณะนี้มีข้อความจาก Yahoo Messenger ส่งเข้ามาหาผมโดยเฉพาะ ผม minimize notepad และสลับการทำงานไปเปิดอ่าน
>only: สวัสดีค่ะ
ผมทักตอบเธอ
> popo: สวัสดีครับ ผม โป้โปะ ครับ คุณล่ะ
> only : เพียงเดียว คะ
> popo : ชื่อน่ารักมากนะครับ
> only : ตัวก็น่ารักค่ะ ว่า แต่ only love is real สนุกดีนะค่ะ เป็นเรื่องจริงด้วย
> popo : อารายนะครับ คุณหมายถึงหนังสือที่ผมอ่านเมื่อคืนนะเหรอ คุณรู้ได้ไงครับ
>only : หนังสืออะไรค่ะ ฉันแค่จะบอกว่าฉันเพิ่งอ่านหนังสือเล่มนี้มา สนุกดี คุณก็อ่านมาเหรอค่ะ
>popo : เอ่อ ครับ . . . . . . . .
ความรู้สึกผมวาบไหวจากที่เคยชำแรกผ่านแค่ผิวกาย บัดนี้มันซาบซ่านผ่านนิ้ว แขนและตรงดิ่งสู่ขั้วหัวใจ
ผม นั่งนิ่งเหมือนถูกสะกด ความลังเลสงสัยเกิดขึ้นเฉียบพลัน ล้อเล่นน่า นี่ผมกำลังคุยกับใครอยู่ ปกติแล้วบุคคลสมมติในโลกไซเบอร์มักไม่ค่อยเปิดประเด็นคุยในเรื่องที่ชี้ เฉพาะเจาะจงอย่างนี้ ถ้าจะคุยกันในลักษณะนี้ก็น่าจะเป็นคนที่ผมรู้จักมาก่อน ผมพยายามนึก เพียงเดียว.... เพียงเดียว.. เพียงเดียว..
มันคล้องกับชื่อเพื่อนคน ไหนที่รู้จักไหม คำตอบคือไม่เลย ไม่เคยมีใครตั้งชื่อตัวเองได้เหงาเปล่าเปลี่ยวอย่างนี้ แต่ก็แปลก มันเป็นชื่อที่ผมรู้สึกว่า ถ้าผมไม่ใช้ชื่อ Popo สักครั้งผมก็อยากจะใช้ชื่อนี้ ใช่เลย เพียงเดียว เหงา เปล่าเปลี่ยว เพียงลำพังคนเดียว ชื่อนี้จึงคุ้นเคยเหลือเกินในความคำนึงของผม เหมือนว่าผมเคยรู้จักมาแล้ว และเป็นสิ่งที่ผมใฝ่หามาตลอด ผมต้องการที่จะคุยกับเธอต่อและสร้างสัมพันธ์ที่ดี ผมคงได้รับมิตรภาพจากเธอบ้าง
>popo: คุณอยู่ที่ไหนครับ
>only : ไกลจากคุณมากค่ะ เห็นว่าที่คุณอยู่ฝนตกหนักเหรอค่ะ ระวังจะไม่สบายนะค่ะ
>popo : ไกลจากผมมากแล้วคุณรู้ได้ไงว่าฝนตกหนักหล่ะครับ (check my profile ผมเหรอ)
ผมคิดในใจ บ้า ! profile ที่ไหน มันจะบอกว่ะ ว่าฝนตกที่ ที่คนนั้นอยู่ด้วย ผมเพียงแต่ใส่ไว้ว่าผมเป็นผู้ชาย อยู่เชียงใหม่ ก็เท่านั้น
>only : คุณอยู่เชียงใหม่ไม่ใช่เหรอค่ะ ก็เชียงใหม่ฝนตกหนักนี่ค่ะ ระวังไม่สบายน่ะค่ะ
> popo: เอ่อ..... ครับ ขอบคุณครับ
ผมรีบจับ Mouse click ขวาที่ชื่อเธอ และ view profile ของเธอบ้าง IE โผล่ขึ้นมาอีกหน้าจอหนึ่ง โลกกำลังหมุนเพื่อดึงข้อมูล
โลกหยุดหมุนแล้ว มีข้อความขึ้นบนจอ ว่า
Sorry ,but the profile you are looking for is not currently available now
สุดยอดเลย ! เธอคนนี้ crack จนไม่ให้มีชื่อเธออยู่ในสารระบบด้วย มิน่าหล่ะจึง track รู้เรื่องของเรามากนัก
> only: อั่นแน่ คุณหา Profile ฉันอยู่หรือไม่มีหรอกนะ อย่าไปดูเลย เสียเวลาค่ะ
> popo : รู้ได้ไงครับ
นั่น ผมเจอกับสุดยอด Hacker เข้าให้แล้ว คงจะดักจับ send-recieve Data ของผมด้วยหล่ะสิ
> only : รูปลักษณ์สังขารเราห่างกัน แต่จิตของเราเชื่อมถึงกันนี่ค่ะ
โอ๊ะ Hacker นักธรรม อีกต่างหาก สงสัยจะลงเรียน Budhist101 มาด้วย
> popo : คุณหมายถึง แม้ว่า Hardware Architecture เราจะคนละแบบ Operating System คนละชนิด แต่ด้วยความที่สัญญาณเราส่งผ่าน ถึงกันด้วย Protocol TCP/IP ระดับชั้น Application Layer เลยทำให้เราสามารถที่จะส่ง Data ถึงกันได้อย่าง Compattible ใช่ไหมครับ หรือว่าคุณจะชวนผมคุยเรื่อง Java Application ครับ ?
> only : คุณพูดถึงอะไรฉันไม่เข้าใจ ฉันมีเวลาไม่มากที่จะเชื่อมถึงคุณ โปรดละทิ้งความรู้ แล้วใช้ความรู้สึกเถอะค่ะ
> popo : อ๋อ internet time คุณกำลังหมดแล้วเหรอครับ ใช้ package ของพวก ISP อยู่หล่ะสิ ครับถึงได้หมดไว ใช้พวก unlimited time สิครับประหยัดดี
> only : พอเถอะค่ะ คุณพูดในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ ฉันอยากถามคุณว่าคุณรู้สึกถึงฉันบ้างไหม
ผม อึ้งเงียบไปพักใหญ่ ความรู้สึกวูบวาบตามเนื้อตัวหายไปแล้ว บัดนี้เป็นความรู้สึกเหมือนไฟช๊อตที่ขั้วหัวใจ และมีเสียงโครมครามออกมาจากก้นบึ้ง ได้แต่ถามตัวเองว่า
ผมกำลังคุยกับใครอยู่ ?
>only : ฉันแค่อยากถามคุณว่าคุณรู้สึกถึงฉันบ้างไหม ในชั่วบางขณะของจิต ในความรู้สึกลึก ๆ แล้วเธอยังมีฉันอยู่ไหม
ผมยังคงเงียบ
> popo : ผมไม่เคยรู้จักคุณไม่ใช่เหรอครับ
> only : เราไม่ใช่แค่คนเคยรู้จัก เราเป็นมากกว่าเพื่อนสนิท ความสัมพันธ์ของเราต่างจากพี่น้อง มารดากับลูก สามีภรรยาหรืออะไรก็ตามที่โลกของเธอสมมติขึ้น
> popo : ? ? ?
>only : ฉันรู้ว่าเธอไม่เข้าใจ การคิดไม่ได้ผลกับเรื่องนี้ เธอต้องใช้ความรู้สึกแทนนะค่ะ คุณมีความรู้สึกถึงฉันบ้างไหม ?
ความ รู้สึกเหรอ ความรู้สึกของผมคืออะไร ความรู้สึกว่ามีไฟซ๊อตอยู่ที่ขั้วหัวใจ และมีเสียงที่พยายามตะโกนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ผมไม่เข้าใจนี่นะเหรอ นี่หรือคือความรู้สึกที่เราพบกับ soul mate มันจะมีความรู้สึกแปลบปลาบกึ่งระลึกได้อย่างนี้หรือ แต่นี่มันหน้าจอคอมพิวเตอร์นะไม่ใช่ดวงตาหน้าต่างของหัวใจอย่างที่หนังสือ เขียนไว้สักหน่อย เราเชื่อมจิตผ่านทางนี้ได้ด้วยหรือ
ในความเป็นจริงผมก็มีความรู้สึกแปลก ๆ กับการได้คุยกับเธอจริง ๆ ผมพยายามจะนำความรู้สึกส่วนลึกนั้นออกมาบรรยายผ่านปลายนิ้ว
> popo: มี
ผม ตอบ ตอบห้วน ๆ ตอบอะไรก็ไม่รู้ ตอบส่ง ๆ ไปก่อน นี่เราคุยกับใครอยู่ก็หารู้ได้ ถ้าเป็นคนจริง ๆ ก็ถ้าจะเป็นคนแปลก ๆ ถ้าเราทำอะไรไม่พอใจ คงจะยิง Nuke ใส่เครื่อง ดีไม่ดีไฟล์ข้อมูลวิทยานิพนธ์ที่ผมทำมาสามปีกว่าจะมลายหายไป หรือถ้าเป็นคนไม่จริง ก็ให้มันรู้ไปสิว่า เดี๋ยวนี้ Hi-tech ติดต่อกันทาง chat-net ได้แล้ว
และอย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่ได้โกหก
> only : เธอจำได้แล้วเหรอว่าเธอเป็นใคร
> popo : จำไม่ได้หรอก แต่ผม 'รู้สึก' เอ่อ ใช่คำว่า 'มั่นใจ' ดีกว่า ผมมั่นใจว่าผมรู้สึกถึงคุณ ผมมีความรู้สึกถึงคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ
เสียงดังลั่นส่งออกจากลำโพงคอมพิวเตอร์ เป็นเสียงวีด หวีด ต๊อก ต๊อก ๆ ๆ ๆ วีด วีด เหมือนคลื่นวิทยุซ่า ๆ เป็นเสียงหวีดหวิวจับใจ
เธอยิง nuke เข้าเครื่องผมแน่แล้ว ผมพยายามจะลุกไปหาแผ่น zip drive เพื่อ backup ข้อมูลออกจากเครื่องก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป
>only : เธอกำลังจะเดินไปไหน ! เธอกำลังหนีฉันไปเหมือนที่ผ่านมา ฉันเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และมันมากเกินพอแล้ว ในห้วงเวลาที่แสนจะยาวนาน อีกกี่ชาติภพที่เธอจะรู้ตัวเสียที ! บัดนี้ใกล้ถึงเวลาของฉันแล้วทุกอย่างมันอ่อนล้าเต็มที่ ฉันกำลังจะต้องไปอยู่ในที่ ที่ฉันควรอยู่ และชั่วนิรันดร์ ฉันคงจะไม่ได้พบเธออีกแล้ว ได้โปรด นั่งอยู่นั่นตรงนั้นแล้วใช้ความรู้สึก ใช้สมาธิให้เต็มที่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อย่าให้อะไรมันสายเกินไปอีกเลย
>popo : ครับ
ไม่ ต้องคิดอะไรอีก ผมกลับมานั่งอย่างสงบที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หัวใจเต้นดังแทบจะลั่นออกมาจากอก ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วนอกจากเสียงหัวใจของผมเอง คงสรุปได้อย่างเดียวว่า ผมคงไม่ได้คุยกับคนธรรมดาอยู่
ไม่ใช่สิ ผมอาจจะไม่ได้คุยกับคนอยู่
> only : ขยายการรับรู้ให้มากขึ้น อย่าใช้เพียงแค่รูป ลักษณ์ สัญญา เธอก็รู้อยู่สังขารเป็นอนิจจัง พยายามก้าวออกมาสู่อานาเขตใหม่ ค่อย ๆ หลับตา เอามือสัมผัสมาที่จอ บางทีสัมผัสสะส่วนนี้อาจทำให้เธอประจักษ์แจ้งได้เร็วขึ้น
ผมหลับตา ค่อย ๆ เอื้อมมือไปแตะที่หน้าจอ อย่างว่าง่าย
ความ รู้สึกฉับพลันถาโถมเข้าร่าง สัญญาณหรือคลื่นบางอย่างแทรกผ่านปลายนิ้วผมอย่างรวดเร็ว เสียงสัมผัส ดั่งพลังงานอิเล็กตรอนวิ่งผ่านระหว่างนิ้วมือกับหน้าจอดังสนั่น ผมคงกำลังถูกดึงเข้าสู่มิติอื่นที่ผมไม่เคยก้าวข้ามมาก่อน ผมร้องลั่นด้วยความตกใจกลัว !
" อ้าาาาาาา อย่า อย่าเพิ่ง ผมยังไม่พร้อม "
ผมได้ยิน เสียงผู้หญิงหัวเราะแหลม พร้อมกับเสียงหวีดหวิว รอบตัว
" คราวหลัง อย่าลืมปิด web cam นะค่ะ เห็นหมดเลย แอบดูมาตั้งนานแล้วค่ะ
ไปหล่ะ แล้วเจอกันใหม่นะค่ะ โป๊ะโปะ "
ผม ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เครื่องกำลัง shutdown ตัวเอง หน้าจอค่อย ๆ ปิดลงไปทีละหน้าจอ ICQ ,IE ,yahoo mesanger และก็เป็นจริงของหล่อน ผมเปิดห้อง conferrence Chat ทิ้งไว้ กล้องดิจิตอลตั้งอยู่ ข้าง ๆ หน้าจอ โดยมีหนังสือ Only love is real วางอยู่ข้างกัน
ตอนนี้ตีสามครึ่งแล้ว ฝนหยุดตก ความเงียบเหงากลับเข้ามาอีกครั้งในชีวิต ผมปูที่นอน เปิดไฟหัวเตียง และสุ่มหยิบหนังสือมาเปิดอ่าน
*เรื่องแต่ง ปี 2004
ขั้นอารมณ์ระหว่างที่เบื่อกับการเขียน Thesis ปริญญาโท จิตวิทยาอุตฯ
ใช้นามปากกา Popo ด้วยแรงบันดาลใจจาก คืนฝนตกที่เชียงใหม่
หนังสือ "เราจะข้ามเวลามาพบกัน"แปลโดยคุณมณฑานี
วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เคยอ่านแล้ว....
ตอบลบแต่อ่านอีกที ก็ขำนะ
ว่าง ๆ จะรวมเล่มแล้วแจกครับ
ตอบลบ