.
คนทุกคนมีความทุกข์เป็นของตน ในขณะที่ศาสนาทุกศาสนามุ่งหวังจะทำให้คนพ้นทุกข์ ทั้งในแบบเชิงปัจเจกและสังคมโดยรวม ในขณะที่หลายศาสนาตั้งอยู่บนความเชื่อ ต้องเชื่อเสียก่อนว่ามีสิ่งที่อยู่เหนื่อธรรมชาติทั้งปวง เป็นผู้ดลบันดาลความสุขและวิถีทางของสรรพสิ่ง เมื่อคนมีทุกข์จึงสามารถร้องขอวิงวอนความสุข อีกทั้งกล่าวสำนึกไถ่ถอนความผิดที่เคยล่วงกระทำ
ในอีกด้านหนึ่ง ศาสนาพุทธ ตั้งอยู่บนความสงสัย และสอนให้คิด สอนไม่ให้เชื่ออะไรง่าย ๆ แต่ต้องไตร่ตรองด้วยปัญญา และมีพระธรรมคำสอนที่ึยึดหลักความเป็นไปเป็นธรรมชาิติธรรมดา ศาสนาพุทธสอนให้เข้าใจปัญหา ไตร่ตรองให้เกิดปัญญาแล้วหาวิธีแก้ไข
บ่อยครั้งที่เป็นทุกข์ ไม่สามารถรอ หรือนั่งไตร่ตรอง ด้วยสติ ปัญญาได้ ดังเช่น คนที่บ้านไฟไหม้ คนที่ล้มละลาย คนที่มีผู้เป็นที่รักเสียชีวิตอย่างกระทันหัน มันยากที่จะดึงสติแล้วไตร่ตรองเพื่อหาวิธีแก้ไขตามแนวทางคำสอนของศาสนา
เมื่อเป็นเช่นนี้ คนพุทธ จึงหันเข้าหาสิ่งที่เหนือธรรมชาติ สิ่งที่สามารถดลบันดาลความสุข ทั้ง ๆ ทีแก่นของศาสนาพุทธเองไม่ได้สอนให้ยึดถือในสิ่งเหล่านั้น จึงเกิดความเห็นว่าเป็นศาสนาที่งมงาย ทำให้คนเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ เชื่อมวลสารที่ถูกเสก มากกว่าเชื่อในคุณความดีของตน นี่อาจกล่าวได้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากศาสนาพุทธ(เป็นศาสนาที่ใจร้าย)สอนให้คนต่อสู้กับความทุกข์และอุปสรรค ด้วยสติปัญญาของตนเอ โดยมองข้ามไปว่า แท้จริงแล้วมนุษย์นั้นอ่อนแอ และต้องการที่พึ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ เหนืออำนาจการควบคุมของตน
อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณาให้ลึกซึ้ง ศาสนาพุทธมุ่งหวังที่จะทำให้คนมีความสุขอย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องพึงพาอาศัยสิ่งเหนื่อธรรมชาติที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้และง่ายต่อการทำให้คนงมงาย การพ้นทุกข์ในแบบฉบับแก่นแท้ของพุทธศาสนาน่าจะเป็นหนทางเดียวที่ทำ้ให้คนพ้นทุกข์ได้แบบมีตรรกขั้นตอน (logical framework) แทนที่จะตำหนิคนงมงาย เราควรจะศึกษาพุทธศาสนาให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง วันหนึ่งการแก้ปัญหา แก้ความทุกข์ที่หนักหน่วงจะสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยจิตใจของเราเอง โดยไม่ต้องพึงพาอ้อนวอนสิ่งเหนือธรรมชาติ
วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
อืม..อ่านแล้วเข้าถึงแท้เลยว่ะ
ตอบลบปล. เมิงบบรลุแล้วเหรอว่ะ...ฝากเอากูไปบรรลุด้วยคนซิ
คิดอะไรไม่ออก
ตอบลบก็หาหนังสืออ่านไปก่อน
:-)
พอดีได้ข้อเขียนของจิตร ภูมิศักดิ์
ตอบลบคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องจึงขอนำมาไว้ ณ ที่นี้ด้วย
"ศาสนาที่ข้าฯ นับถือก็มีศาสนาพุทธเพียงศาสนาเดียว แต่ข้าฯ ใช้เวลาว่างศึกษาปรัชญาของศาสนาพราหมณ์ด้วยเพื่อนำเทียบเคียงกับศาสนาพุทธ และสนใจค้นคว้าเกี่ยวกับพุทธศาสนา ข้าฯ มีความเห็นว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาดี แต่ความเข้าใจของข้าฯ คำว่า ศาสนา ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า 'รีลิยัน' ซึ่งแปลว่า ความรักใคร่นับถือในพระผู้เป็นเจ้า และความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกของพวกฝรั่งชาวตะวันตก แต่คำว่าศาสนาในภาษาไทยแปลตามตัวว่า คำสั่งสอน หรือ คำสั่ง ดังนั้น ความเข้าใจของชาวตะวันตกจึงเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งมีความเชื่อพุทธศาสนาอย่างชาวตะวันตก คือเชื่อในอิทธิฤทธิ์และความลึกลับอันพิสูจน์ไม่ได้ อีกพวกหนึ่งมีความเชื่อว่า พุทธศาสนาคือหลักปรัชญาที่สอนให้มนุษย์รู้จักปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์แก่ตนและแก่สังคม โดยสอดคล้องกัน ไม่ใช่เชื่ออย่างงมงาย ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มีเหตุและผล ใช้หลักอธิบายโดยหลักวิทยาศาสตร์ คือใช้ความจริงเข้าอ้างและสามารถพิสูจน์ได้ ข้าฯ เองมีความเชื่ออย่างพวกหลัง คือคิดว่า พุทธศาสนาเป็นหลักปรัชญาที่ดี ข้าฯจึงนับถือพุทธศาสนา"