วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สิ่งพึงทำที่สุดในชีวิต

สิ่งพึงทำที่สุดในชีวิต

(จากคอลัมน์ศิลาในน้ำเชี่ยว หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม 2551
ภาพประกอบ ไฟคริสตมาสประดับ ที่เมืองบอสตั้น โดย pC )




สงบเข้าไว้ รอคอยอย่างอดทน ทำอะไรที่ทำได้ไปพลางๆ
ไม่มีอะไรยืนยาวอย่างไม่รู้จบได้หรอก
ทุกอย่างล้วนต้องเปลี่ยนแปลง อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วยซ้ำ
หากคุณรอคอยอย่างสงบและผ่อนคลาย
แต่หากคุณกระวนกระวายวิ่งวุ่นราวคนบ้า คุณก็กำลังก่อกวนให้สถานการณ์เลวร้ายลง




ชีวิตที่ไร้ความทุกข์ยาก คงจะตื้นเขินและน่าเบื่อมากทีเดียว
ทนทุกข์ เรียนรู้ และเติบโต...



ผมได้พลิกอ่าน หนังสือหิมะกลางฤดูร้อน ของท่านสยาดอ อู โชติกะ พระภิกษุชาวพม่าอยู่บ่อยๆ และได้พบคำพูดที่เรียบง่าย แต่สะกิดใจ สะท้อนความรู้สึกอย่างชงัดงัน โดยเฉพาะในห้วงเวลาแห่งความวุ่นวาย สับสนในปัจจุบัน ท่านอูโชติกะได้เขียนไว้ว่า 'โปรดอย่าคิดว่าเรื่องยุ่งยากเหล่านี้มันไร้ค่า แม้จะต้องผจญกับความรวดร้าว ผิดหวัง ท้อแท้ และเศร้าโศกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปมากเพียงใด อาตมาก็ยังคงเห็นว่าชีวิตมันน่าสนใจ ล้ำค่าด้วยความหมาย

เราเดินอ้อมไม่ได้หรอกนะ หนทางเดียวคือ ต้องเดินฝ่าเข้าไป

ไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบในชีวิตนี้ ฉะนั้น อย่าไปโหยหาความสมบูรณ์แบบเลย
อาตมาเองก็ไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ ไม่มีวันจะเป็นไปได้ และไม่เคยคาดหวังด้วย

อาตมาผ่านทุกข์มาไม่น้อยเลย ขณะนี้ก็ยังมีทุกข์ แต่อาตมาอยู่กับความทุกข์ได้อย่างสงบและสง่างาม
อาตมาถือว่าทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นส่วนที่สำคัญมากด้วย จะเข้าใจชีวิตได้อย่างไร
หากไม่เคยรู้จักความทุกข์ แม้ในยามทุกข์อาตมาก็ยังคงสงบเย็นได้
จนยากที่ใครจะเชื่อได้ว่า อาตมากำลังเผชิญกับทุกข์ที่ใหญ่หลวงอยู่'

เป็นธรรมดาครับที่คนเรามักจะรักสุข เกลียดทุกข์ จึงมีการต่อต้าน ดึงดัน ขัดขืน
เพื่อตีฝ่าออกจากวงล้อมแห่งความทุกข์ โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งพยายามดึงดันขัดขืนมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์มากขึ้นเท่านั้น วิธีการที่นุ่มนวลแต่เด็ดขาดและราบคาบที่สุด คือ การเข้าไปทำความรู้จัก คุ้นเคย และยอมรับกับความทุกข์ที่เกิดขึ้น โดยไม่มีการผลักไสไล่ส่ง กีดกัน ต่อต้าน ความมหัศจรรย์จะพลันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา คือ ความทุกข์นั้นพลันมลายหายไป จับต้องไม่ได้ ประหนึ่งเอาไฟสปอตไลท์เข้าไปส่องสัตว์ในยามกลางคืน สัตว์นั้นก็วิ่งหนีหายไปทันทีโดยที่ไม่ต้องทำอะไร

หากคุณมีสติ ความทุกข์จะช่วยให้คุณเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างลุ่มลึก



ควรอยู่หรอกที่เราจะมีอุดมการณ์บางอย่างในชีวิต จะได้มีเป้าหมายหรือทิศทางที่จะเดิน
แต่อย่าถึงกับบ้าอุดมการณ์จนฟั่นเฟือน อุดมการณ์ที่ประเสริฐสุด คือ มีสติอยู่เสมอเป็นนิตย์

คนเรามักมีอะไรทำมากมายจนลืมว่าสักวันตัวเองก็ต้องตาย
เรานึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ แต่มันคือภาพลวงตา

เราอยากจะเป็นคนสำคัญในชีวิตของคนอื่น อยากจะรู้สึกว่าเราเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนอื่นได้มากมาย

สิ่งที่พึงทำ คือ ทำในสิ่งที่ตนทำได้โดยไม่ต้องคาดหวังว่าจะมีใครจำได้เมื่องานเสร็จ
การปล่อยให้คนอื่นมีอิสระที่จะโง่งมบ้าง เป็นก้าวสำคัญและยากที่สุดในการพัฒนาจิต เห็นด้วยหรือไม่ครับ!

(บทความจากคอลัมน์ศิลาในน้ำเชี่ยว หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม 2551 ได้รับจาก fw-mail)



=====

สุขสันต์ช่วงวันหยุดยาว และเตรียมพร้อมรับสิ่งดี ๆ ในปีหน้านี้ครับ.

pC


1 ความคิดเห็น:

  1. มีคนนิยามคำว่าความรักไว้ว่า..เหมือนเม็ดทรายในกำมือ ..ยิ่งใช้แรงบีบมันก็ยิ่งไหล..หายไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเราประคับประครองไว้มันก็อยู่ในมือเราอย่างอบอุ่น..

    ชีวิตก็คงเฉกเช่นเดียวกัน ..
    ...เป็นธรรมดาครับที่คนเรามักจะรักสุข เกลียดทุกข์ จึงมีการต่อต้าน ดึงดัน ขัดขืน
    เพื่อตีฝ่าออกจากวงล้อมแห่งความทุกข์ โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งพยายามดึงดันขัดขืนมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์มากขึ้นเท่านั้น

    ขอบคุณค่ะ..สำหรับข้อคิดดี ๆ ในปีใหม่นี้

    ตอบลบ