วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2551

หมาขี้เรื้อน

-- จาก Forward เมลล์ --

ลูกชายนักธุรกิจ​ใหญ่​มีชื่อเสียงระดับประ​เทศคนหนึ่งเพิ่งสำ​เร็จการศึกษากลับมา​จาก​เมืองนอก
ยัง​ไม่​ทันทำ​งานอะ​ไร​เป็น​ชิ้น​เป็น​อันก็ถูก​ผู้​เป็น​แม่ขอร้อง​ให้​บวชเรียนเสียก่อน
เพื่อเห็นแก่​แม่​..​บัณฑิต​ใหม่​หมาดๆ​จาก​เมืองนอก​จึง​บวชอย่างเสีย​ไม่​ได้
เมื่อบวชที่วัด​ใหญ่​ใน​กรุงเทพฯ​แห่งหนึ่งเสร็จ​แล้ว
ผู้​เป็น​แม่​จึง​พา​ไปฝาก​ให้​จำ​พรรษา​อยู่​กับ​พระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่า​แถวภาคอีสาน
พระหนุ่มการศึกษาสูงมา​จาก​ตระกูล​ผู้​ดีมี​แต่​ความ​สุขสบาย
เมื่อมา​อยู่​วัดป่ากว่า​จะ​ปรับตัว​ได้​จึง​ใช้​เวลานาน​เป็น​แรมเดือน

แต่ก็นั่นแหละกว่า​จะ​นิ่งก็ทำ​เอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอา​ใจไปตามๆ​กัน
ปัญหาที่ทำ​ให้​พระ​ทั้ง​วัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็​เพราะ​พระ​ใหม่​มีนิสัยชอบจับผิด
และ​ชอบอวดรู้ยกหู​ ​ชูหางตัวเอง​อยู่​เป็น​ประจำ
วันแรกที่มา​อยู่​วัดป่าก็นึกเหยียดพระ​เจ้าถิ่น​ทั้ง​หลายว่า​ไม่​ได้​รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน
ออกบิณฑบาต​ได้​อาหารท้องถิ่นมาก็ทำ​ท่าว่า​จะ​ฉัน​ไม่​ลง
เห็นที่วัด​ใช้​ตะ​เกียงน้ำ​มันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์​เสีย​เป็น​การ​ใหญ่​หาว่าล้าสมัย
ไม่​รู้จัก​ใช้​เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำ​มีการทำ​วัตรสวดมนต์​เย็นก็บ่นว่า
ท่านรองเจ้าอาวาสทำ​วัตรนานเหลือเกินกว่า​จะ​สิ้นสุดยุติ​ได้​ก็นั่งจนขา​เป็น​เหน็บชา

ครั้นพอ​ถึง​เวรตัวเองล้างห้องน้ำ​เข้า​บ้างก็ทำ​ท่า​จะ​ล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป
ประ​เภทตูจบปริญญา​โทมา​จาก​เมืองนอก​ต้อง​มา​เข้า​เวรล้างห้องน้ำ​ร่วม​กับ​ใครก็​ไม่​รู้
โอ้ชีวิต​! ​ความ​สำ​รวยหยิบโหย่งทำ​ให้​พระ​ใหม่​ไม่​พอใจสิ่ง​นั้น​สิ่งนี้ถือดี
ว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง​ ​มีการศึกษาสูงกว่า​ใคร​ใน​วัด​นั้น
ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหน​ทั้ง​หมด
มองตัวเองเปรียบ​กับ​พระรูป​อื่น​แล้ว​ช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู
นึก​แล้ว​ก็ยิ้มกระหยิ่ม​อยู่​ใน​ใจกลับ​เข้า​กุฏิ​เมื่อไหร่ก็​เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน
นับถอยหลังรอวันสึก​ด้วย​ใจจดจ่อ

อยู่​มา​ได้​พัก​ใหญ่​พระ​ใหม่​อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่า​แห่งนี้​ไม่​ค่อยพูด​ไม่​ค่อยจา
ซ้ำ​นานๆ​ครั้ง​จะ​ออกมา​ให้​โอวาท​กับ​ลูกศิษย์​เสียทีหนึ่ง
วันๆ​ไม่​เห็นท่านทอะ​ไรเอา​แต่กวาดใบไม้​ ​เก็บขยะ
ซักผ้า​เอง​ (เณรน้อยก็มี​ไม่​รู้จัก​ใช้)​ ​สอนก็​ไม่​สอน
การบริหารวัดก็มอบ​ให้​ท่านรองเจ้าอาวาส​เป็น​คน
จัดการไปเสียทุกอย่าง​ ​เห็น​แล้ว​เลยนึกร้อนวิชา
เสนอ​ให้​ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่า​ไม่​เข้า​ท่าล้าสมัย
รวม​ทั้ง​ให้​เสนอ​ให้​วัด​ใช้​ไฟฟ้า​แทนตะ​เกียง​ด้วย​อีกข้อหนึ่ง​เพราะ​ตนเห็นว่ายุคสมัยก้าว​ไกล​มามาก​แล้ว
ไม่​ควร​จะ​ทำ​ตน​เป็น​คนหลัง​เขา​ให้​คน​อื่น​เขา​ดูถูก
อีกหนึ่ง​ใน​ข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัด​ทั้ง​หลายเหล่า​นั้น​พระ​ใหม่​เสนอ​ให้
หลวงพ่อเจ้าอาวาส
มีปฏิสัมพันธ์​กับ​พระลูกวัด​ให้​มากขึ้นกว่านี้​ ​สอน​ให้​มากขึ้นเทศน์​ให้​มากขึ้น
และ​แนะนำ​ว่าคนระดับ​ผู้​บริหาร​ไม่​ควร​จะ​ทำ​งานอย่างการซักจีวรเอง​เป็น​ต้น​ด้วย​ตนเอง
ควร​จะ​กระจายอำ​นาจมอบงาน​ให้​คน​อื่น​ทำ​ดีกว่า

เย็นวัน​นั้น​เป็น​วันพระสิบห้าค่ำ
หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำ​วัตรที่​โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทราย​ด้วย
ท่าน​ไม่​ลืมที่​จะ​หยิบข้อเสนอแนะ​จาก​พระ​ใหม่​มาอ่าน​ให้​พระหนุ่มสามเณรน้อย
ทั้ง​หลายฟังแต่ท่าน​ไม่​บอกว่าพระรูปไหน​เป็น​คนเขียน
อ่านจบ​แล้ว​หลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมี​เมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
แล้ว​ชี้​ให้​ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อย​ทั้ง​หลายดูหมาขี้​เรื้อนตัวหนึ่ง
ที่นอน​อยู่​ใต้​ม้าหินอ่อนตัวหนึ่ง​จาก​ใต้​ต้นอโศกที่​อยู่​ ​ใกล้ๆ

เธอ​ทั้ง​หลายเห็นหมาขี้​เรือนตัว​นั้น​หรือ​ไม่​ ​เจ้าหมาตัว​นั้น​น่ะมัน​เป็น​ขี้​เรื้อน
คันไป​ทั้ง​ตัว​ ​ฉันเห็นมันวิ่งวุ่น​ ​ไป​ ​มา​ทั้ง​วัน
เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรง​นั้น​เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้
อยู่​ที่​ไหนก็​อยู่​ไม่​ได้​นาน​เพราะ​มันคัน​ ​แต่พวกเธอรู้​ไหม
เจ้าหมาตัว​นั้น​น่ะมันไปนอนที่​ไหนมันก็นึกด่าสถานที่​นั้น​อยู่​ใน​ใจ
หาว่า​แต่ละที่​ไม่​ได้​ดั่งใจตัวเองสักอย่าง​ ​นอนที่​ไหนก็​ไม่​หายคัน
สถานที่​เหล่า​นั้น​ช่างสกปรกสิ้นดี

คิดอย่างนี้​แล้ว​มัน​จึง​วิ่งหาที่ที่ตัวเองนอน​แล้ว​จะ​ไม่​คัน
แต่หา​เท่า​ไหร่มันก็หา​ไม่​พบสักที
เลย​ต้อง​วิ่งไปทางนี้ทางโน้น​อยู่​ทั้ง​วัน​ ​เจ้าหมา​โง่ตัว​นั้น​มันหารู้สักนิด​ไม่​ว่า
เจ้าสา​เหตุ​แห่งอาการคัน​นั้น​หา​ใช่​เกิด​จาก​สถานที่​เหล่า​นั้น​แต่อย่าง​ใด​ไม่
แต่สา​เหตุ​แห่งอาการคัน​อยู่​ที่​โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก
พูดจบ​แล้ว​หลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลง​เป็น​สัญญาณ​ให้​รู้ว่า​ ​ได้​เวลาภาวนาหลังการทำ​วัตร
สวดมนต์​เย็น​แล้ว

ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบ​นั้น
ใน​ใจของพระ​ใหม่​กลับร้อนเร่าผิดปกติ​ ​นอกสงบ​ ​แต่​ใน​วุ่นวาย
นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเอง​ไม่​ต่างไป​จาก​หมาขี้​เรื้อนที่หลวงพ่อชี้​ให้​ดู
ยิ่งนั่งสมาธินานๆ​ ​ยิ่งคันคะ​เยอ​ใน​หัวใจ​ ​ทั้ง​อาย​ทั้ง​สมเพชตัวเอง

นับแต่วัน​นั้น​เป็น​ต้นมาพระ​ใหม่​อดีตนักเรียนนอกก็​เปลี่ยนไป​เป็น​คนละคน
จาก​คนพูดมากกลาย​เป็น​คนพูดน้อย​ ​จาก​คนที่หยิ่งยโสกลาย​เป็น​คนอ่อนน้อมถ่อมตน
จาก​คนที่ชอบจับผิดคน​อื่น​กลาย​เป็น​คนที่หันมาจับผิดตัวเอง
เมื่อออกพรรษา​แล้ว​โยมแม่มาขอ​ให้​ลาสิกขา​เพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจ​จาก​ครอบครัวท่านก็​ยัง​ไม่​ยอมสึก

"
อาตมา​เป็น​หมาขี้​เรื้อน
ขอ​อยู่​รักษา​โรคจนกว่า​จะ​หายคัน​กับ​ครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา​"​โยมแม่​ได้​ฟัง​แล้ว​ก็​ได้​แต่ยกมืออนุ​โ
มทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย
แล้ว​ก็​เดินออก​จาก​วัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเอง​อยู่​ใน​ใจว่าคำ​ว่า
หมาขี้​เรื้อน​ ​ของพระลูกชายหมาย​ความ​ว่าอย่างไร​กัน​แน่หนอ

ถ้า​เรา​ยัง​เป็น โรค​ ​อยู่​ใน​ใจ ไม่ พอใจอะ​ไรซักอย่าง​ ​เงินเดือนน้อย​ ​หน้าที่การงาน​ไม่​พัฒนา​ ​ตำ​แหน่ง​ไม่​ไปไหน​ ​ไม่​ว่า​เราย้ายงาน ไปที่​ไหน​ ​เราก็​ไม่​พอใจ​ ​สถานที่​เหล่า​นั้น​ไม่​ดี​ ​คน​ไม่​ได้​เรื่อง​ ​ทั้ง​ ​ๆ​ ​ที่​เรา​ไม่​เคย​ได้​ดูตัวเองเลยว่า​ ​เราพัฒนาการทำ​งานของเรามั้ย​ ​ขวนขวายหา​ความ​รู้​หรือ​เปล่า​ ​ซึ่ง​ก็​ไม่​ต่างอะ​ไร​กับ​หมาขี้​เรื้อนตัว​นั้น​เลย

1 ความคิดเห็น:

  1. อ่า..ดีจังที่หนูบ่ใช่หมาขี้เรื้อน แห่ะๆ
    ชอบจังค่ะ...เรื่องเล่าให้ข้อคิดดีดีแบบนี้

    อืมมม...ขออนุญาต Copy เผยแพร่ต่อไปนะคะ

    ปล. รูปแบบข้อความที่โพสต์มันดูห่างๆไปหรือป่าวคะ
    นาหมายถึงช่องไฟของแต่ละคำค่ะ

    เวลาอ่านแล้วมันดูไม่ราบรื่นน่ะค่ะ เอ๋...หรือว่าคุณ PC มีวัตถุประสงค์ในการโพสต์อย่างอื่นแฝงด้วยป่าวอ่ะ

    (แห่ะๆเริ่มเข้าข่ายหมาขี้เรื้อนป่าวหนอเรา :D)

    ตอบลบ