วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551

หลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด ด้วยป้ายจราจรอัจฉริยะ



การเดินทางในกรุงเทพฯ ขณะนี้รถติดมากขึ้นทุกที หวังว่าผู้ว่าฯ คนใหม่คงจะมีนโยบายลดปัญหาลงได้บ้าง


ทางเลือกหนึ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถทำได้ในขณะนี้เลย คือ การใช้ ป้ายจราจรอัจฉริยะ ดังจะเห็นได้ว่าตามสี่แยกหลัก ๆ ในกรุงเทพฯ จะมีป้ายแสดงสภาพการจราจรขณะนั้นแจ้งให้ผู้ขับขี่บนท้องถนน ลักษณะป้ายก็เป็นไปดังรูป



เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและสะดวกขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนการเดินทาง หรือตัดสินใจก่อนที่จะถึงทางแยกและเห็นป้ายอัจฉริยะนั้น ระบบรายงานสภาพการจราจรอัจฉริยะ (Traffic System Report) จึงถูกพัฒนาึขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบป้ายจราจรอัจฉริยะที่มีอยู่


ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูสภาพจราจรในขณะนั้น ได้จาก ทางเว็ปไซต์และมือถือได้ทุกทีทุกเวลา ทำให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนหรือปรับเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางได้ทันเวลา ซึ่งจะทำให้ลดช่วงเวลาที่จะติดอยู่บนถนนที่ทำให้ทั้งเสียเวลาและอารมณ์

โครงการแบบนี้เป็นประโยชน์ ผู้ใช้มีอารมณ์ดีขึ้น แถมยังลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ลดมลภาวะ


ทีมงาน จิต-ใจ-ดี ขอปรบมือให้



ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก

1. โครงการป้ายจราจรอัจฉริยะ
2. โครงการระบบรายงานสภาพการจราจรอัจฉริยะ
3. ภาพรถติด จาก http://www.arrakeen.ch/

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

บันทึกของหลานสาว: เจ๋เจ้ ตอนที่ 10-12





Jeje X
:

ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างบ้าน..

เจ๋เจ้ : แจ๊ค แคบหมูน่ากินจังเลยเน๊าะ

แจ๊ค : อืม

เจ๋เจ้ : แจ๊ค ไม่กินเหรอ

แจ๊ค : เด๋วเก็บไว้กินทีหลัง

เจ๋เจ้ : แจ๊ค หลับตาซิ

แจ๊ค : ^ ^ (รู้นะเฟ้ย คิดไรอยู่)



Jeje XI:

เจ๋เจ้ : แจ๊คกินหนมมั้ย เด๋วเค้าทำให้กิน

แจ๊ค : มาเล้ยย เยอะๆนะเค้ากินจุ

แม่เจ๋เจ้ : เจ๋เจ้ มาอึได้แล้วลูก

เจ๋เจ้ : แจ๊ครออยู่นี่นะ เด๋วเค้าเอามาให้

แจ๊ค : เอ้อ.. เอางั้นเลยนะเจ้ -_-"



Jeje XII:


แจ๊ค : เจ๋เจ้เล่นไรอยู่คร้า

เจ๋เจ้ : เค้ารีดผ้าอยู่ แจ๊คระวังมันร้อนนะ (ปล.เอาตุ๊กตาหมีมาเป็นเตารีด)

แจ๊ค : ไหนจับดิ อูยย ร้อนจริงๆด้วย (เล่นกะมันหน่อย)

เจ๋เจ้ : แต่เค้าไม่ร้อน

แจ๊ค : ทำไมละ

เจ๋เจ้ : เค้าเก่ง!

แจ๊ค : อืมมม



===
พบกับเรื่องของ เจ๋เจ้ ได้ ใหม่ จันทร์หน้าครับ

แจ๊ค

ปล. ติดตามตอนเก่า ๆ ได้ที่นี่ ครับ (คลิ๊ก)

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อย่ากลัวแก่

ได้รับ Fw mail จากเพื่อนผู้แสนดีส่งมาให้ ผู้เขียนเรื่อง..มีความประสงค์ อยากให้ส่งต่อแก่เพื่อนหรือคนในครอบครัว
จึงนำเรื่องราวมาฝาก พี่น้องชุมชนจิต-ใจ-ดี
ลองอ่านดูนะค่ะ..... หวังทุกท่านคงชอบ...


เรื่องจริงจาก ม.Stanford > >


> > *วันแรกที่พวกเราเริ่มการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น*> >

> > *อาจารย์ของเราได้เข้ามาแนะนำตัว*> >

> > *และบอกให้พวกเราทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ที่เราไม่รู้จักมาก่อน*>
> >
> > *ผมยืนขึ้นแล้วมองไปรอบๆ และมีมือๆ หนึ่ง เอื้อมมาจับบ่าของผม* >
> >
> > *ผมหันไปพบกับหญิงชราร่างเล็ก ผิวหนังเหี่ยวย่น ที่ส่งรอยยิ้มอันเป็นประกายมาให้ผม> > *>

> > *รอยยิ้มนั้นทำให้เธอดูสดใสอย่างยิ่ง*> > >

> > *หญิงชราคนนั้นกล่าวขึ้นว่า> >

> *'สวัสดี รูปหล่อ > ฉันชื่อโรส อายุแปดสิบเจ็ดแล้ว > มาให้ฉันกอดสักทีสิ'*>
> >
> > *ผมหัวเราะกับท่าทางของเธอ > และตอบอย่างร่าเริงว่า*> >

> > *'แน่นอน ได้สิครับ ' > แล้วเธอก็กอดผมอย่างแรง > ผมถามเธอว่า* > >

> > *'ทำไมคุณถึงมาเรียนมหาวิทยาลัย เอาตอนที่อายุน้อยและไร้เดียงสาอย่างนี้ละ.. > '*
> >
> > *เธอตอบด้วยเสียงปนหัวเราะว่า > 'ฉันมาหาสามีรวยๆ ที่ฉันจะได้แต่งงานด้วย แล้วมีลูกสักสองสามคน... > ' * >
> > > *ผมขัดจังหวะเธอ โดยถามว่า 'ไม่เอาครับ. ถามจริงๆ ' > ผมสงสัยจริงๆ> ว่า > อะไรทำให้เธอมาเรียนที่นี่ตอนที่อายุขนาดนี้ > และเธอตอบว่า *>

> > *'ฉันฝันมานานแล้ว ว่าฉันจะได้ปริญญา > และตอนนี้ ฉันก็กำลังจะได้ปริญญาที่ฉันฝัน'*>
> > >
> *หลังเลิกเรียนวิชานั้น > เราเดินไปที่อาคารสโมสรนักศึกษาด้วยกัน>

> และนั่งกินชอคโกแลตปั่นด้วยกัน > เรากลายเป็นเพื่อนกันในทันที> > *
> >
> > *ตลอดสามเดือนหลังจากนั้น > เราจะออกจากชั้นเรียนพร้อมกัน > >
> และจะไปนั่งคุยกันไม่หยุด > ผมนั้นประหลาดใจเสมอเมื่อได้ฟัง

> 'ยานเวลา' ลำนี้ แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ของเธอให้กับผม*>
> >
> *ตลอดปีนั้น โรสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยของเรา > >
> และเธอนั้นจะเป็นเพื่อนได้กับทุกคนในทุกที่ที่เธอไป เธอรักที่จะแต่งตัวดีๆ > *>
> >
> *และดื่มด่ำอยู่กับความสนใจ ที่นักศึกษาคนอื่นๆ มีให้กับเธอ >

<<เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เมื่อถึงตอนสิ้นสุดภาคการศึกษา > >

> เราได้เชิญโรสให้มาพูดที่งานเลี้ยงของทีมฟุตบอลของเรา*> >
> >
> *ผมไม่เคยลืมเลยว่า เธอได้สอนอะไรให้กับเรา >

... พิธีกรแนะนำตัวเธอ และเธอก็เดินขึ้นมาที่แท่น > *>
> >
> *ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวที่จะพูดตามที่เธอตั้งใจนั้น* >
> >
> > *เธอทำการ์ดที่บันทึกเรื่องที่เธอจะพูดตกพื้น เธอทั้งอาย ทั้งประหม่า*> >
> > *แต่เธอโน้มตัวเข้าหาไมโครโฟนแล้วบอกว่า*> >

> > *'ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันซุ่มซ่าม > ฉันเลิกกินเบียร์มาตั้งนานแล้ว*> >
> >
> *แต่วิสกี้พวกนี้มันแรงจริงๆ... ฉันคงจะเอาบทของฉัน*>
> >
*> > มาเรียงใหม่ไม่ทันแล้วงั้นฉันก็คงได้แค่บอกเรื่องที่ฉันรู้ให้กับพวกคุณก็แล้วกัน'> > *>
> >
> *พวกเราทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ตอนที่เธอเริ่มต้นว่า* > >
> > > *'พวกเราทุกคนนั้น ไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก > แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น> > *>

> > *ที่จริงแล้วมี ...เคล็ดลับสู่การที่จะยังหนุ่มสาวอยู่เสมอมีความสุข*> > >

> > *และประสบความสำเร็จอยู่* > *4 ประการ* >
> >
*1) พวกคุณจะต้องหัวเราะ และมีเรื่องสนุกๆ ขำขันทุกวัน

*2) พวกคุณจะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญเสียความฝันของคุณไป > คุณจะตาย มีคนมากมายที่ยังเดินไป > เดินมาอยู่ทั้งๆที่ตายไปแล้วและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว..*>
> > >
*3) การที่คุณ 'แก่ขึ้น' กับ 'เติบโตขึ้น' นั้นมันต่างกันมาก

> ถ้าคุณอายุสิบเก้า แล้วนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ > ปีหนึ่ง

และไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตลอดทั้งปี > คุณก็จะอายุยี่สิบ* >
> >
> > *ถ้าฉันอายุแปดสิบเจ็ด แล้วนอนเฉยๆ > ไม่ทำอะไรเลยตลอดทั้งปี ฉันก็จะอายุแปดสิบแปด >

ทุกๆ คนนั้นจะแก่ขึ้นทั้งนั้น > ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถอะไรเลย*>

> > *ประเด็นของการเติบโตขึ้นนั้นอยู่ที่การแสวงหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลง*

*4) อย่าทิ้งอะไรไว้ให้เสียใจภายหลัง คนสูงอายุส่วนใหญ่นั้น> > ไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว แต่มักจะเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ > *
> >
> *คนที่กลัวความตายนั้น มีแต่คนที่ยังมีสิ่งทีต้องเสียใจค้างอยู่ > '* >
> >
> *เธอจบการพูดของเธอด้วยการร้องเพลง* > *'The Rose' > อย่างกล้าหาญ*>
> >
> *และเธอได้แนะให้พวกเราทุกคนศึกษาเนื้อร้องของเพลงนั้นและเอาความหมายเหล่านั้นมา>

> ใช้กับชีวิตประจำวันของพวกเรา > * >
> >
> *เมื่อสิ้นปีการศึกษานั้น โรสได้รับปริญญาที่เธอได้เริ่มฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว*>
> >
> > *หนึ่งสัปดาห์หลังจบการศึกษา โรสจากไปอย่างสงบ*> >
> >
> *เธอนอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นอีกเลย*>

> > > > *นักศึกษากว่าสองพันคนไปร่วมพิธีศพของเธอ เพื่อแสดงความเคารพ ต่อหญิงชราผู้วิเศษ*> > > >

> *ผู้ได้สอนให้พวกเขาได้รู้ ด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า> >

.......ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเป็นทุกสิ่งที่คุณสามารถเป็นได้* >
> >
> > *เมื่อคุณอ่านเรื่องนี้จบลง > กรุณาส่ง> > คำแนะนำอันดีเยี่ยมนี้ต่อให้กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ > พวกเขาคงจะชอบมัน *>
> >
> > *เรื่องราวเหล่านี้ส่งต่อกันมาเพื่อระลึกถึงหญิงชราที่ชื่อ > โรส*>
> *จงจำไว้ว่า*> >

> > *'การแก่ขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้*> > > > > *แต่การเติบโตขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกได้*> > > > > *เราอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เราได้รับ แต่เราจะมีชีวิตอยู่เพราะสิ่งที่เราให้ไป'*> > > >

.........................................................................................................................................................^_^...

สวัสดีปีใหม่ 2552 ค่ะ...





..ขอให้ท่าน.โชคดี มีความสุขมากมาย
คิดสิ่งใดให้ได้ดังใจหวัง
มีสุขภาพกายและจิตใจ-ดีจัง
มีพลังสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เพื่อสังคม..


..........พบกันใหม่....ปีหน้า............

ขอบคุณค่ะ...^_^........



ที่มา : Fw จากเพื่อนที่แสนดี
ภาพ : สีตะวัน

สิ่งพึงทำที่สุดในชีวิต

สิ่งพึงทำที่สุดในชีวิต

(จากคอลัมน์ศิลาในน้ำเชี่ยว หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม 2551
ภาพประกอบ ไฟคริสตมาสประดับ ที่เมืองบอสตั้น โดย pC )




สงบเข้าไว้ รอคอยอย่างอดทน ทำอะไรที่ทำได้ไปพลางๆ
ไม่มีอะไรยืนยาวอย่างไม่รู้จบได้หรอก
ทุกอย่างล้วนต้องเปลี่ยนแปลง อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วยซ้ำ
หากคุณรอคอยอย่างสงบและผ่อนคลาย
แต่หากคุณกระวนกระวายวิ่งวุ่นราวคนบ้า คุณก็กำลังก่อกวนให้สถานการณ์เลวร้ายลง




ชีวิตที่ไร้ความทุกข์ยาก คงจะตื้นเขินและน่าเบื่อมากทีเดียว
ทนทุกข์ เรียนรู้ และเติบโต...



ผมได้พลิกอ่าน หนังสือหิมะกลางฤดูร้อน ของท่านสยาดอ อู โชติกะ พระภิกษุชาวพม่าอยู่บ่อยๆ และได้พบคำพูดที่เรียบง่าย แต่สะกิดใจ สะท้อนความรู้สึกอย่างชงัดงัน โดยเฉพาะในห้วงเวลาแห่งความวุ่นวาย สับสนในปัจจุบัน ท่านอูโชติกะได้เขียนไว้ว่า 'โปรดอย่าคิดว่าเรื่องยุ่งยากเหล่านี้มันไร้ค่า แม้จะต้องผจญกับความรวดร้าว ผิดหวัง ท้อแท้ และเศร้าโศกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปมากเพียงใด อาตมาก็ยังคงเห็นว่าชีวิตมันน่าสนใจ ล้ำค่าด้วยความหมาย

เราเดินอ้อมไม่ได้หรอกนะ หนทางเดียวคือ ต้องเดินฝ่าเข้าไป

ไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบในชีวิตนี้ ฉะนั้น อย่าไปโหยหาความสมบูรณ์แบบเลย
อาตมาเองก็ไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ ไม่มีวันจะเป็นไปได้ และไม่เคยคาดหวังด้วย

อาตมาผ่านทุกข์มาไม่น้อยเลย ขณะนี้ก็ยังมีทุกข์ แต่อาตมาอยู่กับความทุกข์ได้อย่างสงบและสง่างาม
อาตมาถือว่าทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นส่วนที่สำคัญมากด้วย จะเข้าใจชีวิตได้อย่างไร
หากไม่เคยรู้จักความทุกข์ แม้ในยามทุกข์อาตมาก็ยังคงสงบเย็นได้
จนยากที่ใครจะเชื่อได้ว่า อาตมากำลังเผชิญกับทุกข์ที่ใหญ่หลวงอยู่'

เป็นธรรมดาครับที่คนเรามักจะรักสุข เกลียดทุกข์ จึงมีการต่อต้าน ดึงดัน ขัดขืน
เพื่อตีฝ่าออกจากวงล้อมแห่งความทุกข์ โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งพยายามดึงดันขัดขืนมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์มากขึ้นเท่านั้น วิธีการที่นุ่มนวลแต่เด็ดขาดและราบคาบที่สุด คือ การเข้าไปทำความรู้จัก คุ้นเคย และยอมรับกับความทุกข์ที่เกิดขึ้น โดยไม่มีการผลักไสไล่ส่ง กีดกัน ต่อต้าน ความมหัศจรรย์จะพลันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา คือ ความทุกข์นั้นพลันมลายหายไป จับต้องไม่ได้ ประหนึ่งเอาไฟสปอตไลท์เข้าไปส่องสัตว์ในยามกลางคืน สัตว์นั้นก็วิ่งหนีหายไปทันทีโดยที่ไม่ต้องทำอะไร

หากคุณมีสติ ความทุกข์จะช่วยให้คุณเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างลุ่มลึก



ควรอยู่หรอกที่เราจะมีอุดมการณ์บางอย่างในชีวิต จะได้มีเป้าหมายหรือทิศทางที่จะเดิน
แต่อย่าถึงกับบ้าอุดมการณ์จนฟั่นเฟือน อุดมการณ์ที่ประเสริฐสุด คือ มีสติอยู่เสมอเป็นนิตย์

คนเรามักมีอะไรทำมากมายจนลืมว่าสักวันตัวเองก็ต้องตาย
เรานึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ แต่มันคือภาพลวงตา

เราอยากจะเป็นคนสำคัญในชีวิตของคนอื่น อยากจะรู้สึกว่าเราเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนอื่นได้มากมาย

สิ่งที่พึงทำ คือ ทำในสิ่งที่ตนทำได้โดยไม่ต้องคาดหวังว่าจะมีใครจำได้เมื่องานเสร็จ
การปล่อยให้คนอื่นมีอิสระที่จะโง่งมบ้าง เป็นก้าวสำคัญและยากที่สุดในการพัฒนาจิต เห็นด้วยหรือไม่ครับ!

(บทความจากคอลัมน์ศิลาในน้ำเชี่ยว หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม 2551 ได้รับจาก fw-mail)



=====

สุขสันต์ช่วงวันหยุดยาว และเตรียมพร้อมรับสิ่งดี ๆ ในปีหน้านี้ครับ.

pC


วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551

การ์ตูนพระพุทธเจ้า (ฺ Budda) โดย Osamu Tezuka














การ์ตูนพระพุทธเจ้า ( Buddha ) ลายเส้นสวยงาม เนื้อเรื่องชวนติดตาม


เขียนโดย Osamu Tezuka ผู้เคยฝากผลงานอันลือลั่น เจ้าหนูอะตอม (Astro Boy) ไว้ให้เด็กไทยสมัยก่อนได้รู้จัก



สามารถหาอ่านออนไลน์ได้ฟรี ที่นี่

ตอนนี้มีทั้งหมด 12 บท
(ตัวอย่าง)


ที่มา
1. http://www.mangafox.com
2. wikipedia
3. Thanks to @pruet

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

cCleaner โปรแกรมฟรี ที่เครื่องคุณคู่ควร




ปีใหม่ใกล้มาถึง
ตามธรรมเนียมไทย เรามักจะปัดกวาดทำความสะอาดบ้านข้าวของเครื่องใช้ เพื่อเตรียมรับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา

สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่ ถ้าคุณรู้สึกว่ามันทำงานได้ช้าลง ไม่เหมือนเมื่อต้นปีที่ได้เครื่องมาใหม่ ๆ ก็คงถึงเวลาต้องชำระ ล้าง ทำความสะอาด ลบไฟล์ขยะ (temporary files) ที่ไม่พึงประสงค์ออกไป และ จัดระเบียบไฟล์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ ได้แล้วหล่ะครับ

ถ้าเป็นระบบปฏิบัติการวินโดว์ ก็จะมีโปรแกรมลบไฟล์ที่ไม่จำเป็น ให้มาอยู่แล้ว
ที่ accessories--> system tools --> disk cleanup
ขอเสียของโปรแกรมที่มีอยู่แล้วก็คือมันทำงานช้ามาก แถมเลือกไม่ได้เสียด้วย ว่าจะลบไฟล์ขยะใดออกบ้าง



cCleaner ทางเืลือกใหม่ที่ดีกว่า

cCleaner เป็นโปรแกรมแจกฟรี ที่ได้รับการโหวตให้เป็นเป็น 1 ใน 10 โปรแกรมฟรีที่ได้รับความนิยมสูงสุดประจำปี 2008 นอกจากผู้ใช้งานจะสามารถปรับแต่งการลบไฟล์ที่ไม่พึงประสงค์ออกได้แล้ว ยังสามารถตรวจดูการติดตั้งของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ( Registry ) และแก้ไขให้ได้ด้วย รวมทั้งผู้ใช้สามารถตรวจดูว่ามีโปรแกรมใดบ้างที่ถูกเรียกให้ทำงานอัตโนมัติทุกครั้งทีเครื่องเปิดขึ้นมา บางตัวที่ไ่ม่ได้ใช้ ถ้ายกเลิกไม่ให้มันทำงานก็จะทำให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้นอย่างมาก

เพราะหลังจากโปรแกรมลบไฟล์ไม่พึงประสงค์ออกจากเครื่อง และจัดระเบียบไฟล์และโปรแกรมต่าง ๆ แล้ว เครื่องก็จะมีเนื้อที่เก็บข้อมูลมากขึ้น ทำงานได้เร็วขึ้น และคุณก็สบายใจและมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น :-)


cCleaner โปรแกรมฟรี ที่เครื่องคุณคู่ควร


download (คลิกตรงนี้ เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม)

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

แจกฟรี เพลงคริสตมาส MP3


คริสตมาส กำลังมาถึงแล้ว คุณมีของขวัญให้คนที่คุณรักแล้วหรือยัง

จิต-ใจ-ดี เสนอ เพลงคริสตมาส MP3 แจกฟรีให้กับท่านที่แวะมาเยี่ยมชม


เพลงคริสตมาส MP3 เหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่จาก Garritan Music Community


" Garritan Music Community เป็นการรวมตัวกันของนักดนตรีจากทั่วโลก พวกเขาตกลงกันที่จะเผยแพร่บทเพลงต่าง ๆ ให้กับผู้รับฟังฟรี ที่น่าทึ่งก็คือ เพลงแต่ละเพลงที่นำมาเผยแพร่นี้ไม่ได้สร้างจากเครื่องดนตรีจริง ๆ เลย แต่เพลงเหล่านี้ถูกสร้างสรรค์ด้วยคนคนเดียวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของเขาเท่านั้น "


สำหรับโครงการแจกเพลงคริสตมาสนี้ได้ทำมาเป็นปีที่ 5 แล้ว แต่ละปีก็จะมีเพลงแจกประมาณ 20 เพลง รวมแล้วก็สามารถเลือกเพลงดาวน์โหลดได้ถึงเกือบร้อยเพลง





เข้าไปทดลองฟัง เลือกเพลงดาวน์โหลด รวมถึงสร้างหน้าปกซีดี เพื่อเป็นของขวัญให้คนที่คุณรักได้เลยครับ






ขอบคุณ ข้อมูลจาก

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

บันทึกของหลานสาว: เจ๋เจ้ ตอนที่ 7-9


Jeje VII:

อาม่า : เจ๋เจ้มาเอาขนมไปกินเร้ว แบ่งน้องด้วยนะ

ปะป๋าเจ๋เจ้ : ธุจ้า ด้วยนะเจ๋เจ้

เจ๋เจ้ : (ธุจ้า) ขอบคุณค่ะ

แจ๊ค : โอโห น่ากินจัง แบ่งเค้าอันจิ

เจ๋เจ้ : แจ๊คธุจ้าเจ๋เจ้ด้วยนะ

แจ๊ค : อืมม.. -"-



Jeje VIII:

ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าบ้าน

แจ๊ค : ป้าแมวๆ ต่อเล็กแห้งอีกชามครับ

เจ๋เจ้ : โห แจ๊คกินตั้ง 2 ชามไม่กลัวอ้วนเหรอ

ป้าโต๊ะหลัง : (พรวดด!!) 555 ป้ากะลังจะสั่งต่อ หนูพูดงี้ป้าไม่กล้าสั่งเลย

ป้าแมว : เจ๋เจ้..กินเสร็จยัง T T ป้าจะขายก๋วยเต๋วต่อนะ



Jeje IX:

เจ๋เจ้ : แจ๊คมานี่หน่อยยย

แจ๊ค : อาราย เค้าทำงานอยู๋

เจ๋เจ้ : แจ๊คคคค บอกให้มานี่หน่อยยยย มาเล่นกันหน่อยยย

แจ๊ค : อะๆ แป๊บเด๋วนะ เล่นไร

เจ๋เจ้ : แจ๊คถือเชือกนี่ไว้

แจ๊ค : อืม แล้วไงต่อ

เจ๋เจ้ : เค้าจะพามอมอไปกินหญ้า

แจ๊ค : -"- (เมื่อไหร่มันจะไปโรงเรียนสักทีวะ)



===

อ่านเล่น ขำ ๆ นะครับ

พบกันใหม่วันจันทร์หน้าครับ

แจ๊ค

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เปเปอร์มาเช่

เปเปอร์มาเช่




วันที่ 1 – 10 ธันวาคม ของทุกปี จะมีเทศกาลประจำปีงานทุ่งศรีเมือง ของจังหวัดอุดรธานี งานนี้จะมีการออกร้านขายของ และแสดงนิทรรศการของหน่วยงานราชการต่าง ๆมากมาย มีการแสดงมหรสพทุกคืน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม มีโอกาสไปงานวันแรกอากาศหนาวเย็นมาก จึงเดินเฉพาะรอบนอก ดูร้านขายต้นไม้ต่าง ๆ สวยดี มีทั้งไม้ดอก และไม้ประดับ เดินชมต้นไม้ไปเรื่อย ๆ

ถึงเต้นท์ เทศบาลนครอุดรธานี มีเวทีการแสดง ประกวดร้องเพลง จึงพาคุณแม่ไปนั่งพักเหนื่อย ดูการแสดงหน้าเวที ที่เต้นท์ด้านข้างมีการสาธิตประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ ชวนน้องมุกหลานสาว ไปแวะชม วันนี้สอนการทำประโยชน์จากกระดาษที่ใช้แล้ว (กระดาษรีไซเคิล) และเข็มกลัดติดเสื้อจากห่อขนม ซองแชมพู หรือซองบะหมี่สำเร็จรูป โดยอาจารย์จากโรงเรียนเทศบาล 6 พอดีเจอพี่ป้อม รุ่นพี่พยาบาลที่เคยทำงานร่วมกันที่รพร. บ้านดุง ภาพที่พี่ป้อมแต่งไว้สวยมาก และกำลังแต่งอีกภาพเป็นรูปปลานีโม่ (ปลาการ์ตูน) อยากให้น้องมุกได้ลองฝีมือดูบ้าง น้องมุกจะมีทักษะการวาดภาพได้สวย (มีแววทางนี้ว่างั้นเถอะ..อยากให้ลองดู..)



พี่ป้อมคนสวย


ท่านนายกเทศมนตรีฯ มาเยี่ยม


น้องโมโมสนใจการทำเข็มกลัดจาก กระดาษห่อขนมหรือซองมาม่า

...ขอภาพมาให้น้องมุกลองทำดู วิธีการทำไม่ยากเลยค่ะ เพียงแต่มีภาพลายเส้น จะเป็นภาพที่ปริ๊นมา หรือภาพที่วาดเองก็ได้ แล้วแต้มด้วยกระดาษปั่นและแต่งสี
น้องโมโมหลานคนเล็กมาเห็นเข้า ก็อยากทำบ้าง ภาพหมดแล้ว ...พี่นักเรียนที่มาเฝ้าเต้นท์ เป็นนักเรียน ป. 6 ของโรงเรียนที่มากับอาจารย์ เลยวาดภาพปลานีโม่ตัวเล็กมาให้

ทั้งสองสาวน้อย...จึงได้ลองฝึกละเลงภาพด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าเปเปอร์มาเช่ น่าสนใจทีเดียวค่ะ จึงสอบถามรายละเอียดมาฝาก...เผื่อสนใจอยากทำบ้างนะคะ


ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับคุณครูผู้สอน


วิธีทำเปเปอร์มาเช่และการเตรียมอุปกรณ์
1. นำกระดาษ A 4 ที่ใช้แล้ว มาแช่น้ำไว้ 4 วัน เพื่อให้กระดาษอ่อนนุ่ม
2. ปั่นกระดาษให้ละเอียด กรองเอาแต่เยื่อกระดาษ
3. ผสมเยื่อกระดาษที่ได้กับกาวลาเท็กซ์ อัตราส่วน 1 ต่อ 1
4. ผสมสีโปสเตอร์ หรือสีน้ำ หรือสีผสมอาหาร ตามต้องการ
5. เตรียมแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดรองภาพที่จะทำ
5. นำส่วนผสมกระดาษที่ได้มาแปะบนภาพที่เตรียมไว้
6. วิธีการแปะใช้ไม้แหลม ๆ 2 อัน จิ้มชิ้นส่วนของกระดาษปั่นมาวางที่ภาพ
7. จะได้ภาพจากกระดาษรีไซเคิลที่สวยงามมากค่ะ


ประโยชน์ที่ได้จากการทำภาพเปเปอร์มาเช่
คุณครูที่สอนทำเปเปอร์มาเช่ บอกว่าสำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาเป็นการฝึกสมาธิที่ดีมาก น้องมุกเรียนอยู่ชั้น ป. 3 คุณครูที่สอนทำเปเปอร์มาเช่ ชมว่าน้องมุกมีสมาธิดีมากสามารถแต่งภาพได้จนแล้วเสร็จ คือไม่เบื่อก่อน
ส่วนน้องโมโมเรียนอยู่ชั้นป. 1 จะใจร้อน แต่ก็ได้รับการดูแลที่ดี (กองเชียร์จากป้า ๆ และคำแนะนำของคุณครู) ทำให้น้องโม โม ได้ภาพปลาการ์ตูนดังที่เห็นในภาพ
สำหรับผู้เขียน...ได้ความคิดปิ๊งแว๊บ... ..ที่บ้านมีกระดาษ A4 ที่ใช้แล้วเยอะมาก จะลองทำ..เป็นภาพเปเปอร์มาเช่บ้าง ..(และฝันว่า..!! ....)


ผลงานน้องโมโมและน้องมุก


ห่านฟ้าตัวนี้ก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ทำมือค่ะ..จากด้ายไหมพรม ตัวห่านเป็นลูกปิงปอง
หัวและขา 2 ข้างผูกด้วยเชือกด้านบนมีไม้ไผ่ 2 อัน ขยับขาและหัว
น่ารักมากค่ะ...น้องมุกซื้อมา..ตัวละ 20 บาท
...ถึงตอนนี้ ...แล้วจะทำภาพเปเปอร์มาเช่ มาฝาก ในโอกาสต่อไปนะคะ
..สวัสดีค่ะ

เรื่องและภาพ by สีตะวัน

ปฏิทิน วันพระ 2552

ปฏิิทินวันพระบนกูเกิ้ล (Google Calendar) สำหรับปี 2552





สามารถเพิ่มเติมเข้าไปใน ปฏิทินกูเกิ้ลของท่าน หรือนำไปแสดงบนหน้าเวปได้ด้วย (ดังตัวอย่างด้านข้าง)



โดยปรับปรุงข้อมูลจาก http://www.dra.go.th
สามารถ download ปฏิทินในรูปแบบ pdf (แผ่นเดียว) ได้ที่นี่

วิธีทำ "ข้าวงอก" ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ....เติมพลังชีวิตจากเมล็ดข้าว มากประโยชน์ต่อร่างกาย


ที่มา: มติชนออนไลน์



เรียนรู้วิธีการง่ายๆ ในการทำ "ข้าวงอก" ทานด้วยตัวเอง เผยประโยชน์ต่อร่ายกายครบครัน ช่วยชะลอความแก่ นอนหลับสบาย ควบคุมน้ำตาลและคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ช่วยขับสารแห่งความสุข แถมยังป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย

กระแสการรับประทาน "ข้าวงอก" ได้หวนกลับมาอีกครั้ง จึงมีโอกาสได้ทดลองทำข้าวงอกทานเองอีกหน เพื่อนำประสบการณ์และวิธีการทำข้าวงอก ซึ่งเรียนรู้มาจากมูลนิธิขวัญข้าวและโรงเรียนชาวนาแห่งสุพรรณบุรี มาถ่ายทอดให้แก่ผู้อ่านต่อไป
นายเดชา ศิริภัทร ผู้อำนวยการมูลนิธิขวัญข้าว ให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวงอกว่า การรับประทานข้าวงอกเกิดขึ้นที่ประเทศจีนเมื่อนานมาแล้ว แต่ได้รับความนิยมมากที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะชาวแดนอาทิตย์อุทัยเชื่อว่า "ข้าวงอกให้พลังแห่งชีวิต"
วิธีการทำ "ข้าวงอก" สามารถทำได้ด้วยตนเองอย่างไม่ลำบาก และไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อแพงๆ มารับประทาน เริ่มจากการเลือก "ข้าวกล้อง" เป็นอันดับแรก โดยต้องเน้นเลือกข้าวกล้องที่สดใหม่และเมล็ดสมบูรณ์มาเพาะ เนื่องจากจะสามารถงอกได้ดี โดยเมล็ดข้าวกล้องต้องมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพราะมี "จมูกข้าว" และ "เปลือกหุ้มเมล็ด" อยู่ ทำให้มีพลังชีวิตค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากนี้ ข้าวกล้องต้องไม่บรรจุในถุงสุญญากาศ ไม่มีแมลงรบกวน และถ้าเป็น "ข้าวกล้อง อินทรีย์" ได้ ก็ยิ่งดีเข้าไปอีก
จากนั้น นำข้าวกล้องไปซาวน้ำและแช่น้ำไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง ต่อมาก็เทข้าวที่อุ้มน้ำใส่ผ้าสะอาดและมีความหนานุ่ม โดยอาจเลือกใช้เสื้อยืดเก่าหรือผ้าขนหนูเก่าก็ได้ แล้วใช้ผ้าห่อคลุมให้มิดชิด แต่พอมีอากาศให้เมล็ดข้างหายใจ พรมน้ำแค่พอชุ่ม แต่อย่าให้แฉะ ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง
ถ้าเตรียมแช่ข้าวไว้เย็นวันศุกร์ นำมาบ่มในผ้าเช้าวันเสาร์ พอถึงเช้าวันอาทิตย์ก็สามารถหุงข้าวรับประทานได้ เพราะแค่เพียงข้ามคืน เราจะสามารถสังเกตเห็นจมูกข้าวสีขาว โผล่ขึ้นมาชัดเจน
เมล็ดข้าวที่ถูกบ่มแล้วสามารถนำไปหุงให้สุกได้เลย แต่มีเคล็บลับในการหุง คือ ต้องใส่น้ำน้อยกว่าการหุงตามปกติเกือบครึ่งหนึ่ง
ข้าวงอกที่หุงสุกจะมีกลิ่นหอมแปลกจากข้าวธรรมดา เมล็ดข้าวจะไม่จับเป็นก้อน กินหอมนุ่มอร่อยลิ้น หากค่อยๆ เคี้ยวจะสามารถรับรสนุ่มหวานที่แปลกไปจากเดิม


ประโยชน์ของข้าวงอก

พลังชีวิตในข้าวงอก คือ สารกาบ้า (Gamma - Aminobutyric Acia หรือ GABA) ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นในกระบวนการฟื้นชีวิตของเมล็ดข้าว ทั้งนี้ สารกาบ้ามีอยู่ในเมล็ดข้าวและจะมีเพิ่มขึ้นเมื่อเป็นข้าวงอก อายุ 1 - 2 วัน เมื่อเข้าสู่วันที่ 3 สารกาบ้าจะลดลงเรื่อยๆ
"สารกาบ้า" เป็นกรดอะมิโน ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง และเป็นสารสื่อประสาทประเภทยับยั้ง ทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมอง ทำให้ผ่อนคลายและนอนหลับสบาย นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อ ซึ่งผลิตฮอร์โมนที่ช่วยการเจริญเติบโตและเกิดสารป้องกันไขมัน ชื่อ "Lipotropic" สารกาบ้ายังช่วยทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายสม่ำเสมอ ชะลอความชรา ความคุมระดับน้ำตาลและพลาสมาคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือก รวมทั้งขับเอ็นไซม์ เพื่อขจัดสารพิษออกจากร่ายการ แถมยังช่วยกระตุ้นการขับน้ำดีสู่ลำไส้ เพื่อย่อยสลายไขมัน ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ และช่วยขับสารแห่งความสุข
ส่วนในวงการแพทย์มีการใช้ "สารกาบ้า" รักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคลมชัก
เห็นไหมละว่า ประโยชน์เพียบจริงๆ !!!
************************ ที่มา นิตยสาร "ฉลาดซื้อ" ฉบับที่ 93 เขียนโดย นก อยู่วนา romsuan@hotmail.com (ติดต่อ "ฉลาดซื้อ" ได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 4/2 ซ.วัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 0-2248-3734-7 โทรสาร 0-2248-3733 อีเมล webmaster@consumerthai.org)


วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป

ลองดูรูปข้างล่างนี้ คุณจะเห็นคนขี้โกรธอยู่ด้านซ้าย และคนใจดีอยู่ทางด้านขวา
ลุกขึ้นสิ แล้วถอยหลังมาสัก 12 ฟุตแล้วคุณก็จะเห็นว่า รูปภาพสลับที่กันแล้ว
คิดว่าภาพนี้สร้างขึ้น โดยPhillippe G.Schyns and Aude Oliva แห่งมหาวิทยาลัยกลาสโกลว์
ภาพนี้ ทำให้เรารู้ว่าบางทีสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่ก็ได้
ทุกครั้งที่เราเห็นคนหน้าบึ้ง แล้วไม่ชอบ อย่าลืมนึกถึงภาพนี้

ดู ดีๆ นะ คับ


ที่มา : www.zone-it.com
Thanks to 9tana via twitter

* ถ้าไม่อยากเดิน save รูปลงเครื่องคอมพิวเตอร์ และย่อรูปให้เล็กลงเหลือประมาณ 20% ก็ได้เหมือนกัน

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ

ห่างหายไปนานกับที่ จิต-ใจ-ดี แห่งนี้

วันนี้แวะมาทักทาย พร้อมกับแนะนำ Blog ในเครืออีกสักที่
"เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ" เป็น Blog รวบรวมเพลงไทยเก่า ๆ และความหมายดี ๆ



เรื่อง(เพลง)ล่าสุดชื่อ วิมานสีชมพู ผู้เขียนแนะนำเพลงไว้ว่า

"เพลง นี้ตอนได้ฟังครั้งแรก รู้สึกว่าหวานเหลือเกิน ทั้งทำนองและเนื้อร้อง ส่วนเสียงร้องไม่ต้องพูดถึง หวานสนิท ฟังแล้วจะรู้สึกเหมือนอมยิ้ม นึกถึงห้องที่เต็มไปด้วยสีชมพู เต็มไปด้วยความรัก ถ้ายังไม่ได้แต่งงาน ฟังแล้วออกจะฝันๆ อยากจะแต่งงาน"

เป็นคำโปรยที่น่ารัก ชวนให้อยากรู้ อยากฟังนะครับ ว่าเพลงนี้เป็นอย่างไร


แวะเข้าไปอ่าน และฟังเพลงสบายใจกันได้ครับ


ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เฮือนข้าเจ้า


มาอีกแหละ เรื่องเหนือเหนือ ของเมืองเชียงใหม่...หวังว่าคงยังบ่เบื่อกันนะเจ้า.....สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวไทยทุกคนเจ้า วันนี้จะมาอู้ถึงร้านอาหารร้านนึงที่เคยไปแิอ่วมา... ขอเ ปลี่ยนมาใ ช้ภาษากลางเ หมือนเ ดิมนะคะ..เพราะบ่แน่ใจว่าอู้แม่นไวยกรณ์ชาวเจียงใหม่สักเท่าใดเจ้า..

เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปรับประทานขันโตกที่ร้านเฮือนข้าเจ้า...ซึ่งผู้เ ขียนไ ม่เ คยได้ยินเ รื่องราวเ กี่ยวกับร้านนี้มาก่อนเลย ร้านอยู่แถวๆ โรงเรียน PRC Prince's Royal College ร้านนี้มีบรรยากาศที่แปลกตามากค่ะ คือลักษณะของร้านนี้มีเนื้อที่ประมาณไร่เศษ เป็นบ้านไม้สักทั้งหลังแต่เป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่เกิดจากการเอาไ ม้ของบ้านไ ม้สักสิบเอ็ดหลังมาสร้างเป็นบ้านหนึ่งหลัง
แล้่วลานหน้าบ้านเป็นที่ให้แขกรับประทานอาหาร เริ่มตั้งแต่หกโมงไล่ไปจนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนมีการแสดงประมาณสองทุ่ม การแสดงส่วน
ใหญ่ก็จะเป็นฟ้อนของภาคเหนือ เช่น ฟ้อนสาวไหม ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนที ฟ้อนร่ม เ รียกว่าฟ้อนสารพัดแล้วกันค่ะ อาหารก็เป็นขันโตก คือมีข้าวนึง หรือข้าวสวยแล้วแต่เราจะเลือกส่วนกับข้าวก็จะมี แกฮ้งเล น้ำพริกอ่อง ไก่ทอดน้ำปลา ปลาช่อนทอดกรอบ ผัดผักรวม ยำกุ้งฟู ผลไม้เป็น สัปปะรด แตงโม อ้อย มันน่าสนใจตรงไหนเนี่ย ร้านขันโตกมีกา่รแสดง ร้านไหนไหน ก็มีการแสดงทั้งนั้น แปลกหน่อยก็เป็นบ้านไม้สักเท่านั้นเอง... อย่าเพิ่งงงกันค่ะ นอกจากที่เล่ามาทั้งหมด
ร้านนี้ ก็มีจุดเด่นตรงที่ เขากันพื้นที่ใต้ถุนบ้าน ให้เป็นสถานที่เก็บ
สิ่งของเครื่องใช้เก่าๆ สมัยสามสิบสี่สิบปี่ที่ผ่านมา คล้ายๆ ร้านของชำสมัยก่อน แต่เขาไม่ได้ขายค่ะ เขาให้ชมอย่างเดียว กึ่งๆ พิพิธภัณท์ นั่นเองค่ะ อันแรกที่เห็นแล้วดึงดูดความสนใจ
ของผู้เขียนอย่างมาก เห็นจะเป็นยาสีฟัน ดาร์กี้ ใช่ค่ะ ถูกแล้วค่ะ ยาสีฟันที่ตอนเด็กได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นดาร์ลี่ .... จากความเข้าใจส่วนตัวหลังจากที่เห็นฉลากของยาสีฟันดาร์กี้ คิดว่าปัญหาคงเป็นเรื่องเหยียดสีผิว ซึ่งอเมริกา ค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนชื่อและฉลากของยาสีฟัน ยี่ห้อนี้ แต่เมื่อได้ทำการค้นคว้าข้อมูล ก็ความเข้าใจส่วนตัวก็ถูกต้อง แต่แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้นเพราะว่า การเปลี่ยนชื่อนั้นเกิดขึ้นหลัง
จากที่บริษัทเปลี่ยนเจ้าของ....
แต่เพราะบริษัทต้องการรับผิดชอบเรื่องการกระทบกระเทือน เรื่องการเหยียดสีผิว จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อและฉลาก...หาข้อมูลเ พิ่มเติมได้จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Darlie นอกเหนือจากนี้ก็มีสินค้าชนิดอื่นๆ อีกมากมายขอยกตัวอย่าง ยาสระผมดิฉัน สบู่คิดถึง ผงซักฟอกเพค ผลิตภัณท์นมตราหมี แป้งหอมอิคคิวซัง ห้างทองเซ่งเฮ็งหลี น้ำอัดลมคิกคาปู้ ที่ผู้เขียนยกตัวอย่างมานี้เป็นแค่บางส่วนนะคะ ถ้าสนใจก็ต้องลองแวะมาเอง ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ...





























เมื่อการแสดงจบลงประมาณสามทุ่มสิบห้าเจ้าของบ้านก็พาชมบ้านค่ะ บ้านไม้สักที่ว่า สร้างมาจากบ้านสิบเอ็ดหลังนะคะ ไม้แต่ละแผ่นใหญ่ๆทั้งนั้น... คือตอนนี้ ถ้ามาสร้างบ้าน
อย่างนี้ คงไม่เห็นด้วยอ่ะค่ะ คงต้องโคนไม้ไปหลายร้อยต้นทีเดียวบอกตรงๆ ว่าเสียดาย วันนี้ก็แนะนำพอหอมปากหอมคอนะคะ...

อยากจะขอสรุปสั้นๆ สิ่งของเก่าๆ ที่เราหรือบุคคลอื่นเก็บรักษาไว้ บางครั้งมันเชื่อมโยงความทรงจำและความรู้สึกเก่าๆของเราได้ดีทีเดียว จะทิ้งสิ่งของสิ่งใดก็คิดให้ดีก่อนทิ้งบางครั้งมันอาจจะเป็นเครื่องเตือนความทรงจำของเราหรือผู้อื่นได้ ไม่แน่เก็บมากมากอาจจะกลายเป็นผลิตภัณท์หรือห้องแ สดงเ ลย ก็ได้นะคะ แต่อย่าเก็บจนรกบ้านหละกัน :)

สวัสดีค่ะ...แล้วพบกันใหม่ค่ะ....