วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2552

สวดมนต์ทำไม .. เพื่ออะไร ... สวดเพื่อใคร

ที่มา คุณ ป. วิเศษ จาก http://www.palungjit.com
เป็นข้อมูลที่่น่าสนใจ ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อโดยไม่ตัดทอนดังนี้

ทุกครั้งที่สวดมนต์ มักจะมีคำถาม ขึ้นมาเสมอ
"สวดมนต์ทำไม .. เพื่ออะไร ... สวดเพื่อใคร"
ทดลองสวดมนต์ตามหนังสือที่ได้รับมาบ้าง ตามที่อ่านคำแนะนำมาบ้าง ก็ทำไปตามประเพณีนิยม
ผลทีได้รับกลับมาคือ

๑. ความสงบ (เพราะจิตนิ่งเป็นหนึ่งเดียวกับคำสวด)
๒. มีสมาธิ เพิ่มขึ้น (สวดไม่ผิด)

แต่การสวดมนต์เหมือนต้องฝืนทำไปเพราะ ชีวิตประจำวันค่อนข้างเหนื่อยล้า จากการขับรถ การงาน
และละครโทรทัศน์ (เกี่ยวกันไหมเนี่ย!!! )

จนเมื่ออาจารย์เสริมศิลป์ ครั้งแรกมาสวดมนต์ที่บ้าน โหยยยย .... ทำไม ทำไมคะ ทำไมสวดเร็วเป็น
รถด่วนขบวนสุดท้ายขนาดนั้น เราว่าเราอ่านหนังสือได้ไวแล้ว เจอกลุ่มอาจารย์ฯ สวดมนต์ ขอบอก
ได้แต่ยิ้มเพราะ ...ดูตามยังไม่ทันเลยค่ะ ... (ฮั่นแน่ .. หลายคนแอบพยักหน้า เพราะยกมือด้วย...
ชิมิ ชิมิคะ!)

หลังจากนั้นก็เกิดความสนใจว่า
* เพราะเหตุใดต้องสวดกันเร็ว
* ทำไมบทสวดมนต์ถึงสวดกันยาวนานขนาดนั้น
* ทำไมต้องนั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้คนเยอะแยะไปหมด และ
* ทำไม??????? อีกหลายข้อ
จึงลองสังเกตุจากการที่ตามกลุ่มฯ ไปสวดมนต์จึงได้คำตอบ..

อาจารย์ : "สวดมนต์เร็วๆ ได้ประโยชน์อะไรบ้าง?"
Admin : " ๑. เหมือนได้ออกกำลังกาย เพราะสวดมนต์เร็ว ออกเสียง แล้วเหงื่อออก ปอดขยาย
๒. มีสติ เพราะสวดเร็วต้องมีสติตามรู้ ๓. ได้สมาธิ เพราะจิตนิ่งตามบทสวดมนต์"

เวลาสวดมนต์ทุกครั้งอาจารย์จะสอบถามว่าสัมผัสอะไรไหรือไม่ .. บางท่านก็สามารถสื่อได้ ก็จะเห็นพระ
แสงสว่าง บ้างก็วิญญาณ ฯลฯ แล้วแต่สถานที่ แต่อาจารย์จะย้ำทุกครั้งว่า การสวดมนต์ด้วยศรัทธาเป็นการ
เปิด ๓ โลก การสวดมนต์เมตตาใหญ่พิสดารเป็นการสวดมนต์ส่งวิญญาณผู้ตาย และเทวดาเขาชอบฟัง...

คราวนี้ สงสัยหนักกว่าเก่าเลย ...
* อะไร ๓ โลก
* ใครมาฟัง??!!
* ฟังแล้วทำไมไปเกิด??!!
* ทำไมเทวดาต้องมาฟัง??!! สวดเองไม่ได้เหรอ??
เพราะไม่เข้าใจ จนในที่สุดความสงสัยก่อตัวมากเสียจนไปพบประสบการไปสวดมนต์กับกลุ่มฯ อาจารย์
หลายครั้ง จนวันหนึ่งไปร่วมงานหล่อพระพุทธรูป ที่วัด ......... และอาจารย์ไปสวดมนต์ในโบสถ์ที่กำลัง
ก่อสร้างอยู่







เมื่อสวดมนต์จิตสงบเป็นสมาธิมาก เพราะสวดเป็นประจำ ทำให้จำบทสวดขึ้นใจจึงหลับตาสวด
ในขณะที่หลับตา ก็เห็นผู้ชายใส่เสื้อแขนยาว กางเกงสีน้ำเงินเข้ม ที่ศีรษะมีเลือดออก ยืนชิดริม
กำแพงโบสถ์


ภาพที่เห็นในจิต

จิตก็นึกว่า : "ตาฝาด!!! ผีเข้าโบสถ์ไม่ได้หรอก"

จึงนำจิตไปจดจ่อกับบทสวดมนต์ แต่แล้วอีกสักครู่ จิตก็เห็นายคนนั้นอีก คราวนี้แม้ว่าจะใส่ชุดเดิม
แต่กลับดูสะอาดขึ้น กหน้าตาสะอาดสะอ้าน และมีรอยยิ้มที่ใบหน้าของเขา แต่... ก็ยังคิดว่าตนเอง
ตาฝาดอีกเหมือนเดิม กสวดมนต์ต่อไป จนมานั่งคิดอีก ๔ วันถัดมาว่า "เราตาฝาดจริงหรือ"
จึงสอบถามอาจารย์

อาจารย์บอกว่า : "เห็นจริง ของจริง เขามาฟังสวดมนต์ ก็จะแปลงเพศจากวิญญาณ
เปรต เป็นเทพ เทวดา หรือ พ้นสภาพของวิญญาณนั้นไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้"

อัศจรรย์ ..... บทสวดมนต์นี้แปลกนัก ด้วยประสบการณ์นี้ทำให้เราเชื่อเต็มร้อยว่า การ
สวดมนต์มีประโยชน์จริง ทั้งต่อตนเอง (ได้สมาธิ ขณิกสมาธิ และอุปจาระสมาธิ)

คราวนี้ก็ตั้งใจสวดมนต์ด้วยความศรัทธามากขึ้น มากจริง ๆ และดีใจที่ได้เห็น เพราะการยอมรับทำให้
เกิดศรัทธา และจิตใจตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย เพราะ "ไม่สงสัย" นั่นเอง

เอาล่ะ มาถึงตรงนี้ก็จะขอนำเรื่องของหลวงปู่โต ซึ่งมีการบันทึกในหนังสือมาให้อ่านนะคะ เพราะ
คำของอาจารย์ที่ว่า
"สวดมนต์ด้วยศรัทธา เปิด ๓ โลก"
แต่ถ้าไปสวดโดยหน้าที่ก็ไม่เห็นผลแก่ผู้สวด แต่ส่งผลอันยิ่งใหญ่แก่ "ผู้ไปฟังสวดมนต์" ด้วยศรัทธา
แต่ไปสวดเพราะศรัทธาไดอานิสงส์ เต็ม ๆ ค่ะ

*********************************************************************

อานิสงส์ของการสวดมนต์
เทศนาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี

เทศนาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ดังปรากฏในงานของท่านเจ้าพระยา
สรรเพชรภักดี จางวาง มหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่ได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จโตมาเทศน์ที่บ้าน

ครั้นพลบค่ำ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตพร้อมลูกศิษย์ได้เดินทางจากวัดระฆังมายังบ้านของท่านเจ้า
พระยาสรรเพชรภักดี ซึ่งในขณะนั้นมีอุบาสก อุบาสิกา นั่งพับเพียบเรียบร้อยกันเป็นจำนวนมาก ด้วย
ต้องการสดับรับฟังการเทศน์ของท่านเจ้าประคุณ ณ ที่เรือนของท่านเจ้าพระยาเจ้าประคุณสมเด็จโต
ได้ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวบูชาพระรัตนตรัย เมื่อจบแล้ว ท่านจึงเทศน์
“เรื่อง อานิสงส์ของการสวดมนต์”

ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้กล่าวว่ายังมีคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และ
เสียเวลามากหรือฟังไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้วการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการ
สวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่าน
มีคุณวิเศษอย่างไร พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร และพระสงฆ์อรหันต์อริยะเจ้า
มีคุณเช่นไร

การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ
ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผล จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ที่อาตมากล่าวเช่นนี้
มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำสอนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มี 5 โอกาสด้วย
กันคือ

• เมื่อฟังธรรม
• เมื่อแสดงธรรม
• เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์
• เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น
• เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ

การสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอนเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรง
ประกาศพระพุทธศาสนาบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้า
เป็น 2 เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม
การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจ ที่เศร้าหมองให้หมดไปเพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน การสวดมนต์
นับเป็นการดีพร้อมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 นั่น คือ

• กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม
• ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย
• วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐ ในพระคุณทั้ง 3 พร้อมเป็นการขอขมา
ในการผิดพลาดหากมีและกล่าวสักการะเทิดทูนสิ่งสูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกได้ว่าเป็นการสร้างกุศล ซึ่งเป็น
มงคลอันสูงสุดที่เดียว

อาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าและเย็นไม่ขาดแล้ว บุคคลนั้นย่อม
เข้าสู่แดนพระอรหันต์อย่างแน่นอน

การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดังพอสมควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตตน และประโยชน์แก่จิตอื่น

* ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสียงภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนจิต ก็จะ
ทำให้เกิดความสงบอยู่กับบทสวดมนต์นั้นๆ ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวด

* ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงสวดมนต์จะพลอยได้เกิดความรู้เกิดปัญญา มี
จิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยการให้ทานโดยทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบ
ฟังเสียงในการสวดมนต์มีอยู่จำนวนมาก ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้า
มาล้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่นนั้น ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล้ำกลายผู้สวดมนต์ได้
ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้ที่สวดมนต์ ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดาทั้งหลาย
คุ้มครองภัยอันตราย ได้อย่างดีเยี่ยม

ดูก่อน.. ท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกาในที่นี้ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ
พระสังฆคุณ เมื่อจิตมีที่พึ่งคือ คุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี และความขนพองสยองเกล้าก็ดี
ภัยอันตรายใด ๆ ก็ดี จะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั่นแล..

จากหนังสือ อมตะธรรม สมเด็จโต พรหมรังษี หน้า ๒๙ – ๓๖ ***

***********************************************************************

พระพุทธมนต์และคำว่า สาธุ มีอานุภาพดีอย่างไร

เรื่องนี้ท่านพระอาจารย์มั่น พักอยู่บนดอยปะหร่องกับท่านอาจารย์มนู ตอนเช้าเที่ยวบิณฑบาตให้พรชาวบ้าน
พอให้พรเสร็จ สุขัง พะลัง ท่านสอนให้ชาวบ้าน “สาธุ” พร้อมกันด้วยเสียงสูง ท่านพระอาจารย์มั่นว่าเป็นเชิงตลกว่า
มือทั้งสองข้างของเราชูขึ้นข้างบน เหมือนบั้งไฟจะขึ้นสู่ท้องฟ้า

วันหนึ่งท่านนั่งพักในที่เป็นที่พักกลางวัน มีเทพพวกหนึ่งจากเขาคิชฌกูฏ อยู่ที่ไหนไม่รู้ เราก็ไม่รู้จัก

ท่านว่ามาถามท่านว่า “เสียงสาธุ สาธุ สาธุ อะไร สะเทือนสะท้านทุกวัน พวกเทพทั้งหลายได้ฟัง มี
ความสุขไปตามๆ กัน”

ท่านว่า ท่านมาพิจารณาอะไร ที่ไหน จึงระลึกได้ว่า “โอ..! เสียงสาธุการชาวบ้านถวายทาน”
พอรับทราบแล้วพวกเทพก็ว่า “เขาก็สาธุการด้วย”

แล้วทำประทักษิณ เวียนขวาลากลับไป ส่วนมากพวกเทพจะทำอย่างนั้น

ท่านพระอาจารย์มั่นเลยมาพิจารณาต่อว่า การสาธยายมนต์พุทธมนต์นะใครก็ตามจะเป็นกิจวัตรพระสงฆ์
เช้า – เย็น หรือชาวพุทธทุกคนสวดพุทธคุณ..
ระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักวาล
พูดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนจักวาล
สวดมนต์เช้า - เย็นธรรมดา มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนโกฏจักวาล
สวดเต็มเสียงสุดกู่ มีอานุภาพแผ่ไปได้อนันนตจักวาล
แม้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในภพที่สุดอเวจีมหานรก ยังได้รับความสุข เมื่อแว่วเสียงพุทธมนต์ ผ่านเข้าถึงชั่วขณะหนึ่ง
ครู่หนึ่ง ชั่วช้างพับหูงูแลบลิ้น ดีกว่าหาความสุขไม่ได้ตลอดกาลเนืองนิจ นี้คืออานิสงส์ของพระพุทธมนต์ ท่าน
พระอาจารย์มั่นว่าอย่างนี้

จากหนังสือบูรพาจารย์ หน้า ๖๐๑-๖๐๒

********************************************************************

ได้ข้อสรุป
* เพราะเหตุใดต้องสวดกันเร็ว : จะได้สมาธิ มีสติ และเหมือนเป็นการออกกำลังกาย

* ทำไมบทสวดมนต์ถึงสวดกันยาวนานขนาดนั้น : สวดมนต์ถ้าสวดยาว หน่อยจะได้มีสมาธิ สวดมนต์
บทเมตตาใหญ่พิสดาร ก็จะได้สมาธิ (ฌาณ ๔)

* ทำไมต้องนั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้คนเยอะแยะไปหมด : เมื่อสวดมนต์จิตเข้าสมาธิขั้นต่ำ ขณิกสมาธิ
ดีแล้ว จิตก็มีพลัง เมื่อนั่งสมาธิจิตเวลานั่งก็สงบ เวลาแผ่เมตตาก็ก็มีกำลังมาก

* อะไร ๓ โลก : โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และนรก

* ใครมาฟัง??!! : เทวดา เทพ พรหม ครุฑ นาค สรรพวิญญาณทั้งหลาย ตัวมนุษย์ และนรก

* ฟังแล้วทำไมไปเกิด??!! : เมื่อเขาอนุโมทนาบุญแล้ว ก็เป็นการปลดพันธนาการ มีบุญไปเกิดภพื่น , บ้าง
เมื่อฟังสวดมนต์แล้วเกิดความสลดสังเวชใจ ละวางร่างกายสังขาร ก็พ้นทุกขเวทนา

* ทำไมเทวดาต้องมาฟัง??!! สวดเองไม่ได้เหรอ?? : เทวดารักษาศีลก็มี เทวดาพาลก็มี เทวดามีศีลชอบ
ฟังเสียงสวดมนต์ค่ะ เมื่อท่านมาอนุโมทนาท่านก็ได้บุญบารมีเพิ่มได้ค่ะ
__________________
http://www.mettajetovimuti.com/

2 ความคิดเห็น:

  1. พุทโธ พุทโธ พุทโธ ....
    สา า ..ธุ...:>>>>>>

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ15 มีนาคม 2553 เวลา 21:16

    สวัสดีค่ะ (มือใหม่หักสวดมนต์ )

    อยากทราบว่า วันๆหนึ่งเราควรสวด

    อะไรบ้างค่ะ ?

    **-**

    ตอบลบ