ตั้งชื่อเรื่องซะเก๋กู๊ด คิดไปคนเดียวอ่ะนะว่าเก๋ ไม่รู้จะมีคนคิดเหมือนเราหรือเปล่า
อ่ะเข้าเรื่องดีกว่่า หลายวันมานี้ ฝนตกหนักมากแถวบ้าน ทำให้ไฟ ระแวกนั้นดับหมด คิดว่าเสาไฟคงโดนฟ้าผ่า หรือหม้อแปลงระเบิด ด้วยสาเหตุอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้เขียนเองก็ไม่ทราบแน่ชัด เขียนมาุุถึงตรงนี้คงสงสัยกันว่า บ้านอยู่แถวไหน ทำไมไฟยังดับอยู่ สำหรับคนกรุงเทพ โดยเฉพาะในตัวเมืองปัญหานี้คงจะเรียกได้ว่า แทบไม่เจอเลย เดิมผู้เขียนเป็นคนกรุงเทพ ตอนนี้ย้ายมาเป็นสะใภ้เชียงใหม่เจ้า
บ้านอยู่บริเวณ อำเภอสารภึ ใกล้สนามบินเชียงใหม่ แต่คือจะเป็นคนเมือง หรือคนนอกเมือง
ก็ไม่ค่อยจะเกี่ยวกันหรอก เรื่องไฟดับเนี่ย ดูอย่างมหานครเมืองนิวยอร์กสิ เมื่อก่อนนั้นมีปัญหา ไฟดับออกบ่อยไป หรือที่เรียกว่า pitch black เนี่ยแหละ สาเหตุก็เป็นเพราะว่าคนเยอะ ใช้ไฟกันมากน่าดู แล้วเมืองผลิตไฟไม่พอ เลยเกิดปัญหาไฟตก แล้วบางครั้งก็ดับนานมาก ...
แต่เรื่องที่อยากจะเขียนถึงจริงจริง เกี่ยวกับเรื่องไฟดับตอนฝนตกเนี่ย ไม่ได้ต้องการจะบ่นหรือกล่าวว่าอะไร เพียงแต่ต้องการ สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องดีดีที่เกิดขี้นตอนฝนตก คนเราทุกวันนี้ ขอยกตัวผู้เขียนและสามีเป็นตัวอย่าง เรามักจะอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็จอทีวี ทั้งวัน คือเรียกได้ว่า ตาของเราทำงานตลอดบวกกับสมองของเราด้วยไม่ได้หยุดพักเลย ไม่มีเวลาที่จะมานั่งคิดว่างๆ โดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์หรือทีวี ยกเว้นเวลากินข้าวหรือนอน แต่ว่าตอนที่ไฟดับเนี่ยสิ เป็นเวลาที่ไม่สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรได้เลยสักอย่าง เพราะไม่มีไฟฟ้า สิ่งเดียวที่ทำได้คือนอน...ฟังเสียงฝนตก และกบเขียดร้อง ทำให้เราได้มีเวลาคิดอะไรมากขึ้น คิดโดยไม่มีสิ่งอื่นมารบกวน คิดโดยใช้สติและสมาธิ เป็นแรงบัลดาลใจให้ได้มาเขียนลงบล็อค จิตใจดี อย่างไงหละ แถมยังทำให้อารมณ์สงบมีสมาธิ ... มองแบบนี้แล้วก็ไฟดับบ่อยๆก็ไม่ว่ากันเจ้า ขอฝนตกด้วยนะ เย็นดี....
ขอสรุปสั้นๆนะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเรามองว่าดีมันก็ดี เรามองว่าแย่มันก็แย่ ล้วนแต่ขึ้นกับมุมมองของเรา...
ไปก่อนหละค่ะ งานวิจัยของสามีรอเป็นตั้งให้ช่วยทำ....