วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

ศิลปะการปลอบใจตัวเอง

คนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข
ทั้งหลายในโลก ล้วนมีศิลปะและวิธีปลอบใจตัวเองทั้งนั้น

การปลอบใจตัวเองไม่ใช่เป็นเรื่องของคนขี้แพ้
หรืออ่อนแอเลย แต่เป็นกลไกชีวิตที่ทุกคนควรมี
และฝึกให้ชำนาญ



การปลอบใจตัวเองได้นั้น เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะก้าวไปสู่
การให้กำลังใจตัวเอง และการสร้างความเชื่อมั่นตัวเองต่อไป

แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ แค่รู้จักปลอบใจตัวเองก็มีความสุขมากแล้ว




จิตใจต้องการการปลอบ
จิตใจมนุษย์มีส่วนของความอ่อนแอและแข็งแกร่ง
ปนอยู่ด้วยกัน เช่น

ผู้หญิงบางคนเป็นคนจิตใจอ่อนโยน อ่อนแอ สงสารสัตว์
ชอบทำบุญ ไม่ชอบความก้าวร้าวรุนแรง

แต่ทำไมพอรู้ว่าแฟนมีชู้จึงเอาปืนไปยิงหรือเอามีดไปฆ่าแฟนได้

นั่นก็คือ ในจิตใจของมนุษย์มีทั้งสัญชาตญาณของ
การอยากมีชีวิตอยู่ (Live Instinct) และสัญชาตญาณของการ
ทำลาย(Death Instinct )

ทั้งสองสัญชาตญาณนี้จะปะปนกันอยู่ทุกขณะ
และแสดงออกได้เสมอตามสิ่งเร้าและทัศนคติที่เปลี่ยนแปลง

จิตใจของมนุษย์จึงต้องการการปลอบ เพื่อให้เกิดสมดุล
ถ้าจิตอยู่ในส่วนที่อ่อนแอเกินไปก็ต้องการปลอบให้เข้มแข็งขึ้น




ถ้าจิตใจอยู่ในส่วนที่กร้าวกระด้างเกินไปก็ต้องการปลอบโยนให้อ่อนโยนลง
ไม่เช่นนั้น…มนุษย์จะเสียสมดุลในการดำเนินชีวิต คือ
จะมีส่วนที่อ่อนแอ – อ่อนโยนมากเกินไป หรือมีส่วนที่กร้าว
กระด้าง-โหดร้ายมากเกินไป ซึ่งไม่ดีทั้งสองอย่าง



ใครคือคนปลอบใจที่ดี~~**

ตอนเด็กๆก็ได้พ่อแม่ ช่วยปลอบใจ
ซึ่งก็มีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ



โตขึ้นมาก็มีครู อาจารย์(แห่ะๆ)
เพื่อน คนรัก(อี๊)

ซึ่งก็เช่นเดียวกัน มีทั้งปลอบได้ถูกใจและไม่ถูกใจ
บางคนปลอบใจไม่เป็น
ยิ่งเหมือนไปยุให้ก้าวร้าวหรืออ่อนแอมากขึ้น




การปลอบใจตัวเองสำคัญกว่า
การจะหาใครสักคนมาปลอบใจตัวเองนั้น
หาได้ยากมาก หรือหาไม่ได้ ก็…อย่าท้อแท้ผิดหวังไปเลย

หันมาใช้วิธีปลอบใจตัวเองดีกว่า
และฝึกไว้เสมอๆจนชำนาญ
(จะให้ดีเชี่ยวชาญพิเศษกว่า คศ. 3 เลย…อิอิ)




เคยอ่านและดูสารคดีเกี่ยวกับคนเป็นโรคเอดส์
ในโลกที่เขาอยู่จัดตั้งโครงการช่วยคนเป็นเอดส์ด้วยกัน

บางคนออกมาจัดคอนเสริ์ตช่วยเหลือกันเอง
บางคนแรกๆก็ปิดตัวด้วยความอายและกลัวตาย
หมดกำลังใจ แต่แล้วก็เปิดเผยตัวเองกับครอบครัว
และใช้ชีวิตตามปกติ ทำงาน และช่วยปลอบใจคนอื่นไปด้วย

ปรากฏว่าเขามีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้น


จิตใจของมนุษย์นั้นสามารถปลอบใจให้เชื่องได้
ถ้าได้รับการปลอบให้เป็น ทั้งโดยตัวเองหรือจากสิ่งแวดล้อม

จากนั้น ใจจะมีพลัง อยากมีชีวิตอยู่
อยากสร้างสรรค์ ทำให้เกิดภูมิต้านทานชีวิตทั้งด้านร่างกายและจิตใจ



แนวทางการปลอบใจตัวเอง

ศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระ(จิตแพทย์) เสนอแนะว่า
ถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังอ่อนแอจนไม่อยากทำกิจกรรมประจำวันเหมือนเดิม
หรือเริ่มก้าวร้าวกับตัวเองและคนอื่น
จนคิดว่าจะอยู่ต่อไปได้ลำบาก แสดงว่าท่านต้องการปลอบใจแล้ว
ลองๆนึกถึงกิจกรรมหรือวิธีดังต่อไปนี้ดู

1. สัมผัสตัวเองแบบมิตร

2. กล่าวแบบเป็นมิตรกับตัวเอง

“ฉันเป็นเพื่อนตัวเองได้นะ”
“ฉันจะรักชีวิตของฉันให้ได้”

เมื่อสงบใจได้แล้ว…ลองกล่าวประโยคที่ว่า

“ไม่มีใครรักฉันเท่าตัวฉันหรอก”
“ไม่มีใครรักฉันเพื่อตัวฉันหรอก”

ทั้งสองประโยคนี้เป็นความจริง
ซึ่งฟังตอนแรกๆอาจจะใจหาย

แต่เมื่อกล่าวประจำบ่อยๆ จะทำให้รู้สึกว่าตัวเอง
จะต้องรักและพึ่งพาตัวเองให้ได้ จะลดความอยากได้
ความรักหรือความช่วยเหลือจากคนอื่นลง

3. ทำกิจกรรมที่ดีๆต่อไป อย่าอยู่ลำพัง

ลุกขึ้นจากที่นอนหรือเก้าอี้ ล้างมือ ล้างหน้า
หรืออาบน้ำ จิตนาการให้ความเย็นของน้ำล้างอารมณ์ที่ไม่ดีออกไป
แล้วก้าวเดินออกไปนอกบ้านเพื่อทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง เช่นเดินเร็วๆวิ่งช้า
แล้วใช้พฤติกรรมข้อ 1,2 ไปด้วย

ถ้าจะฟังเพลงให้ฟังเพลงที่ปลอบใจ ไม่ใช่ซ้ำเติม



1. สร้างสติและปัญญา ให้มองเพื่อนมนุษย์ทุกคนทั้งที่รู้จัก
และไม่รู้จักด้วยสายตาแบบชาวพุทธ คือเชื่อว่าทุกคน
เกิดมามีกรรมที่ทำมาในอดีตติดตัวแล้วทั้งนั้น
จึงต้องเกิดมาเป็นมนุษย์ และต้องมีทุกข์จากกรรมที่เคยกระทำไว้
ในอดีตทุกคน

โดยหวังว่าผลจากการทำความดี(กรรมดี) จะทำให้เราพ้นทุกข์
และมีความสุขมากขึ้นในอนาคตต่อไป
ความเชื่อที่ดีๆ จะทำให้เราลงมือทำสิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง
และผู้อื่นเสมอ เกิดความสุขร่วมกัน

2. หาวิธีลดความคาดหวังลง

ลดความต้องการลง ความทุกข์และความผิดหวังจากความคาดหวัง
ที่มากก็จะลดน้อยลง สิ่งที่เราอยากได้มากๆ มักได้แก่
อำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง ตำแหน่ง เซ็กส์ อาหาร
ความสมบูรณ์ของรูปร่างหน้าตา ซึ่งได้มาเท่าไร
หรือมีเท่าไรก็ไม่เคยพอ

ยุคนี้มีคนต้องการความเก่งมากๆ
ความดีมากๆ ความสุขมากๆ
ถ้าใครต้องการสิ่งเหล่านี้มากเท่าใด
ก็จะยิ่งไม่ได้หรือได้มา…ก็ไม่สมใจมากเท่านั้น
ทำให้ทุกข์มากขึ้น

3. ลดอัตตาลงด้วย

ถ้าใครมีอัตตาหรืออีโก้หรือความหยิ่งในตัวเอง
ความคิดถึงตัวเองเสมอๆจะทำให้เกิดความทุกข์ได้ง่าย
ต้องพยายามลดลง

ลองทำดูเถิดโดยเฉพาะในยามทุกข์
และต้องการการปลอบใจ

โดยให้เริ่มปลอบใจตัวเองให้ได้
เราจะเกิดพลังของความอยากอยู่
และใช้ชีวิตตามปกติต่อไป




ภาพ: ..ไม่ได้ใช้มุมกล้อง แต่มาจากฝีมือเพียวๆล้วนๆของเราเองค่ะ อิอิ:P
ปล. ตัวลายขาวน่ะ..ห้ามอิจฉามันนะ เพราะว่ามันตายแล้ว
เดี๋ยวมันมาหลอกนา แห่ะๆ สาเหตุที่ตาย นอกจากมันหายใจไม่ทันแล้ว
ปัจจัยหลักมาจาก...ติดสาว โดนหมาจิ๊กโก๋ปากซอยรุมสะกำ ซี้แหง๋แก๋เลย
หมาเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..ถึงคราวตาย..สาวก็ช่วยไม่ได้
"ป๋องตายเพราะติดสาวนั่นเอง"
เสียดายหมาที่รู้ใจไปอีกแย้ว
ก้ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า ยังมีเหลืออยู่
เลี้ยงเอาใหม่ก็ได้...ก็มันแค่หมานี่นา...Y_Y

6 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ ค่ะ
    ปลอบใจตัวเองได้เยอะทีเดียว

    ที่บ้านมีหมาเป็นเพื่อนอยู่ตัวหนึ่งชื่อเจ้าทาโร่
    ..เป็นหมาไทยแบบนี้ ...แสนรู้ และคุยกันรู้เรื่อง ..แฮะ...ฮา

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ26 ธันวาคม 2551 เวลา 00:57

    ชอบค่ะ ตอนนี้กำลังทุกข์ใจอยู่เลย จะลองเอาวิธีต่างๆ มาใช้ดูน่ะค่ะ

    ..

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ17 กันยายน 2553 เวลา 01:45

    เพิ่งเลิกกับเเฟนวันเเรกครับ เหตุผลที่เลิกกันเพราะผมเอาเเต่ใจตัวเองเกินไป
    ขี้โมโห อารมณ์ร้าย พอแฟนเป็นห่วง ผมก็มองข้ามฟามเป็นห่วง โกหกปิดบัง
    สารพัด แต่เมื่อพอรู้สึกตัวก็ สายไปซะเเล้ว {ทั้งหมดผมไม่ได้โทษตัวเองแต่เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นจริง} แต่มันรู้สึกเจ๊บอีกทอดนึง เมื่อการเลิกครั้งนี้เป็นการเลิกบนความรักที่มีอยู่ของทั้งคู่ ...... ผมหมดเเรงเลยละครับ ยังดีที่มีคำปลอบใจตัวเองที่ท่านได้หยิบยื่นไห้ ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมานิดนึง แต่่ไม่รู้ต่อไปจะทำไงดี เพราะแฟน{อดีต}บอกว่า เรายังคุยกันได้เหมือนเดิม ไปเที่ยวกันได้...ตงเนี่ยละครับที่ผมทำใจไม่ได้


    ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำเเนะนำดีๆนะครับ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณค่ะ เพิ่งจะออกจากความทนแล้วก็ทนกับแฟนที่ีมีนิสัยเจ้าชู้ เค้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยซักนิด
    รักก็ยังรักเขามากเหมือนเดิมแต่ทำไมเขาถึงทำกับเราแบบนี้บอกว่ารักแต่เทอก็ไปกับคนอื่นตอนนี้ท้อใจมากไม่มีเรี่ยวแรง ฉันทนกับเทอไม่ไหวจิงๆแต่ฉันก็ขาดเทอไม่ได้ เสียใจและอยู่คนเดียวมันเหงามากนะค่ะ

    ตอบลบ
  5. คุณพาวิณี ใจเย็นๆนะครับ ผมเป็นกำลังใจไห้น้าครับ

    ตั้งเเต่ ที่ผมเพิ่งโพสไปตอน 17 กย 53 อะ ตอนนี้ผมยังไม่หายเจ๊บเลย

    เเย่ลง ไปมากกว่าเก่าอีก จนม่ายเป็นอันจะทำไรละ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ3 ธันวาคม 2553 เวลา 15:54

    จนป่านนี้ ฉันยังทำใจไม่ได้เลย
    แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนแล้วล่ะนะ(มั้ง)

    ตอบลบ