วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2551

"ฝรั่งเจอดีลบหลู่วัดพระ​แก้ว"

ฉก 'แก้วมรกต' ฝรั่งเจอดีหลู่วัดพระแก้ว



ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ว่า ได้รับการเปิดเผยจาก ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ว่าได้รับแจ้งจากการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า มีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ชื่อนายเจอร์เกน ซี. ส่งจดหมายแจ้งความประสงค์ ขอส่งคืนเศษแก้วสีเขียวมรกต ที่เก็บไปจากเจดีย์พระมณฑป ในวัดพระแก้ว โดยภายในซองจดหมาย ยังบรรจุแก้วสีเขียวมรกตขนาด 1X1 นิ้ว มาด้วย โดยนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว ให้เหตุผลในการนำเศษแก้วมาคืนไว้ว่า ตั้งแต่นำเศษแก้วกลับไปที่ประเทศเยอรมัน ชีวิตมีแต่สิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้น

ที่มา​ http://www.thairath.co.th/thairath1/...ov/30/p1_1.php


ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จดหมายของ นายเจอร์เกน ซี. ที่เขียนมานั้น ระบุว่า ได้มาท่องเที่ยวที่กรุงเทพมหานครกับแฟนสาวเมื่อ 2-3 ปีก่อน รู้สึกประทับใจวัฒนธรรมของประเทศไทยอย่างมาก และได้ไปเที่ยววัดพระแก้ว โดยระหว่างเดินชมความงดงามของสถาปัตยกรรมภายในวัดอยู่นั้น ได้พบแก้วชิ้นเล็กๆ สีเขียวตกอยู่ที่พื้น เข้าใจว่าเป็นแก้วประดับจากเจดีย์องค์ใดองค์หนึ่งร่วงลงมา ในเวลานั้นคิดว่าเป็นสัญญาณจากพระพุทธเจ้าที่อนุญาต ให้นำชิ้นแก้วเก็บไปเป็นที่ระลึกในการเยี่ยมชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสวยงามเช่นนี้ จึงได้ถามไกด์ที่นำเที่ยวในวันนั้นว่า สามารถที่จะเก็บเศษแก้วชิ้นนี้กลับไปได้หรือไม่ ซึ่งไกด์ตอบกลับว่า ให้ตนกำหนดจิตและขอจากองค์พระพุทธรูป ขณะนั้นรู้สึกเหมือนได้รับสัญญาณจากองค์พระว่าให้เก็บไปได้ แต่ขณะนี้กลับรู้สึกละอายมากที่เข้าใจผิด ทั้งนี้ เพราะตั้งแต่ได้แก้วชิ้นนี้มามักจะพบแต่เรื่องโชคร้ายตลอด ซึ่งไม่รู้ว่าสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับแก้วที่เก็บมาจากวัด พระแก้วหรือไม่ จึงตัดสินใจว่าจะส่งแก้วคืน เพราะคิดว่าไม่สมควรที่จะเป็นเจ้าของแก้วชิ้นนี้




ม.ร.ว.จักรรถกล่าวอีกว่า ชิ้นแก้วที่นายเจอร์เกน ซี. นำมาคืนนั้น เข้าใจว่า ททท.คงจะนำกลับไปส่งคืนที่วัดพระแก้วแล้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน น่าจะถือเป็นโชคร้ายที่นำของศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นของที่ระลึกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจจะเชื่อกลุ่มมัคคุเทศก์ที่ไม่มีจรรยาบรรณ เพราะคนไทยมีความเชื่อว่าห้ามเก็บสิ่งของต่างๆ ภายในวัดกลับไปไว้ที่บ้านเพราะจะทำให้โชคร้าย ต้องมีอันเป็นไป เช่น เจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ และตนยังเคยประสบเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เมื่อครั้งไปบูรณะพระธาตุพนม จ.นคร


พนม คนงานที่เข้าไปซ่อมแซมแอบนำโบราณวัตถุกลับบ้าน ทำให้เกิดสิ่งไม่ดีต่อชีวิต จนต้องนำโบราณวัตถุกลับมาคืนและทำพิธีขอขมาที่วัด จากนั้นปัญหาต่างๆก็หมดไป สมบัติของวัด โบราณสถาน โบราณวัตถุ ไม่ว่าจะอยู่บน ดิน ในน้ำ ไม่ใช่สมบัติของใคร และไม่มีใครสามารถนำมาเป็นสมบัติส่วนตัวได้ ของทุกสิ่งมีคำสาป มีคาถากำกับ เพราะไม่ต้องการให้คนนำไปเป็นสมบัติส่วนตัว แต่ให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน

ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวว่า หลังจากนี้จะเรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศิลปากร ททท. มัคคุเทศก์ เพื่อหาแนวทางในการป้องกันสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งแนวทางในการป้องกันพวกที่ชอบงัดแงะ เศษกระเบื้อง หรืออิฐ จากโบราณสถาน จากวัดไปเป็นสมบัติส่วนตัว นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้าจะหารือกับนักกฎหมายเพื่อหาทางเพิ่มโทษ เพราะปัจจุบันความผิดเกี่ยวกับการลักขโมย ทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาทนั้นน้อยไป ต้องลงโทษพวกที่นำสมบัติของแผ่นดินไปเป็นสมบัติส่วนตัวให้หนักขึ้น

ทั้งนี้ ในจดหมายที่นายเจอร์เกน ซี. เขียนมาถึง ททท.นั้น ระบุว่า ตนกับแฟนสาวเดินทางเข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ เมื่อ 2-3 ปีก่อน แล้วเดินทางกับคณะทัศนศึกษาจากกรุงเทพฯ มุ่งไปฮ่องกง รู้สึกประทับใจในวัฒนธรรมไทยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการได้ไปเที่ยวชมที่วัดพระแก้ว ที่นี่ตนได้เก็บชิ้นแก้วเล็กๆบนทางขึ้นเจดีย์แห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นได้ถามไกด์นำเที่ยวว่าจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงศาสนา และสถานที่อันงดงามนี้ได้หรือไม่ ไกด์บอกว่าให้อธิษฐานขอกับองค์ พระพุทธเจ้าเอาเอง จึงตั้งสมาธิอธิษฐานชั่วครู่หนึ่งแล้วคิดว่าได้รับประทานอนุญาตแล้ว ซึ่งตนเป็นคนเคารพนับถือศาสนาอย่างจริงจัง

และศรัทธาในพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกับที่ศรัทธาต่อพระเยซู แต่มาถึงวันนี้รู้สึกว่าเหมือนมีเสียงใครมาคอยบอกว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควร และรู้สึกละอายมากที่เข้าใจผิดไปเอง
"นี่อาจจะเป็นคำสาปแช่งหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ เกิดสิ่งเร้นลับตลอด 2-3 ปีก่อน ตนประสบแต่เรื่องเคราะห์ร้าย มีทั้งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวและการงาน จนกระทั่งได้ยินคำร่ำลือถึงอาถรรพณ์ของวัด เลยคิดว่าจะเป็นไปได้หรือ ดังนั้นจึงได้ส่งเศษชิ้นแก้วเล็กๆนี้มาพร้อมกับจดหมายเพื่อนำกลับคืนสู่ที่เดิม และพร้อมที่จะส่งเงินมาบริจาคให้แก่ทางวัด ในการทำพิธีขอขมาเพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งที่เลวร้ายออกไป" นายเจอร์เกนระบุไว้ในจดหมาย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น