วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ข้าวผัด​ ​ของป้าพัด

ที่มา หนังสือพิมพ์ มติชน


ข้าวผัด​ ​ของป้าพัด



​โดย​ ​ชุติมา​ ​นุ่นมัน​ aae_ok@yahoo.com




ข้าวผัดจาน​นั้น​มี​เนื้อหมูขนาดพอคำ​อยู่​ 7 ​ชิ้น​ ​ไข่​ไก่​ 1 ​ฟอง​ ​รสชาติกลมกล่อม​ ​ถือ​ได้​ว่าอร่อยที​เดียว​ ​แม้​ไม่​ได้​ใส่​ผงชูรส​ "ป้าพัด" ​หรือ​พัฒนา​ ​เสียงเสนาะ​ ​คนผัด​และ​เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง​ ​ร้าน​เล็กๆ​ ​ใน​ซอยประชาสงเคราะห์​ 24 ​บอกว่า​ ​จานนี้ทำ​พิ​เศษ​ ​จึง​ใส่​หมู​ให้​เยอะหน่อย​ ​เพราะ​ถ้า​ใส่​เยอะขนาดนี้ทุกจาน​ ​แล้ว​ขาย​ใน​ราคา​แค่​ 25 ​บาท​ ​ร้านของแกคง​จะ​อยู่​ไม่​ได้​แน่สำ​หรับยุคนี้

"คน​ใน​ซอยนี้ก็​ไม่​ได้​รวยมา​จาก​ไหน​ ​หา​เช้า​กินค่ำ​ ​เป็น​ลูกจ้าง​เขา​ทั้ง​นั้น​ ​ขายแพงกว่านี้คง​ไม่​มี​ใครซื้อป้าหรอก"

ป้าพัดบอกว่า​ ​อาหารตามสั่งของแกขายจานละ​ 20 ​บาท​ ​มาตั้งแต่ปี​ 2542 ​หาก​เป็น​ข้าวไข่​เจียว​ ​หรือ​ไข่ดาวฟองเดียวก็​ 10 ​บาท​ ​แต่ละวัน​ได้​กำ​ไร​ไม่​ต่ำ​กว่า​ 200-300 ​บาท​ ​โดย​ที่ตัวแก​และ​ครอบครัว​ ​คือ​ ​ลูกๆ​ 4 ​คน​ ​กิน​อยู่​เสร็จสับไป​กับ​อาหาร​ใน​ร้านนี้​เลย​ 200-300 ​บาท​ ​ดังกล่าว​จึง​ถือ​เป็น​เงินเก็บสำ​หรับครอบครัว​ ​ที่​สามารถ​นำ​ไปซื้อ​ความ​สะดวกสบายอย่าง​อื่น​ได้

"ตอน​นั้น​ข้าวของ​ยัง​ไม่​แพง​ ​ผักคะน้ากิ​โลละ​ 10 ​บาท​ ​ข้าวสารถังละร้อยเดียว​ ​หมูก็กิ​โลละ​ 40 ​บาท​ ​น้ำ​มันถุงละ​ 16 ​บาท​ ​ข้าวร้านป้า​ใช้​ข้าวหอมมะลิ​ ​ปน​กับ​ข้าวเสา​ไห้​ ​เพราะ​ถ้า​ข้าวแข็งมากเรากิน​ไม่​ได้​ ​ลูกค้าก็บ่น​ ​ต้อง​ยึดเอาตัวเรา​เป็น​หลัก​ด้วย​ ​เรา​ไม่​ชอบ​ ​แล้ว​ลูกค้า​จะ​ชอบ​ได้​ยัง​ไง"

แต่ราว​ 5-6 ​ปีต่อมา​ ​ข้าวของแพงขึ้น​ ​แก​จึง​ขยับราคา​จาก​ 20 ​บาท​ ​เป็น​ 25 ​บาท​ ​แต่​ยัง​คง​ไว้​ซึ่ง​ปริมาณ​และ​คุณภาพครบครัน​ไม่​มีขาดตกบกพร่อง​จาก​เดิม



"คนที่มากิน​ส่วน​ใหญ่​ก็ลูกค้าประจำ​ทั้ง​นั้น​ ​ป้าจำ​ได้​หมดว่า​ใครชอบอะ​ไร​ ​คนที่ทำ​งาน​ใช้​แรงมากๆ​ ​หรือ​เด็กนักเรียนวัยรุ่น​จะ​กินเยอะ​ ​เราก็ตักข้าว​ให้​เยอะ​ไปเลย​ ​คือ​ ​กะ​ให้​กินที​เดียวอิ่ม​ ​หรือ​ถ้า​ใครอยาก​ได้​อะ​ไรพิ​เศษก็บอก​ ​จะ​ทำ​ให้​ ​ร้านเรา​ไม่​มีน้ำ​แข็งแต่มีน้ำ​เปล่า​ ​เป็น​น้ำ​ใน​ตู้​เย็นที่ป้า​และ​คน​ใน​ครอบครัวดื่มนั่นแหละ​ ​ไม่​ต้อง​ซื้อน้ำ​หรือ​น้ำ​แข็งเปล่ากินอีก"

มา​ถึง​ปีนี้​เกิดปรากฏการณ์ข้าวยากหมากแพง​ ​ทุกอย่างขึ้นราคา​กัน​หมด​ ​ยกเว้นค่าจ้าง​ ​กับ​ข้าวสดที่ป้าพัด​ต้อง​ไปจ่ายทุก​เช้า​ขยับราคา​จาก​เดิมอีก​ 3 ​เท่า​ตัว​ ​องค์ประกอบของการ​ใช้​ชีวิตประจำ​วันทุกอย่างก็สาระพา​เฮโล​กัน​ขึ้นราคา​ทั้ง​หมด​ ​ตั้งแต่ค่ารถเมล์​ ​ค่ามอเตอร์​ไซค์รับจ้าง​ ​ค่า​ไฟ​ ​ค่า​แก๊สหุงต้ม​ ​ฯลฯ​ ​แต่ป้าพัด​ยัง​ยืนยันว่าอาหารตามสั่งที่ร้านแก​ ​จะ​ไม่​ขึ้นราคา​เด็ดขาด

"ขึ้น​ได้​ยัง​ไงละลูกเอ๊ย​ ​ขึ้น​แล้ว​ใครที่​ไหน​จะ​กิน​ ​จาก​ 25 ​บาท​ ​เป็น​ 30 ​หรือ​ 35 ​บาทเนี่ย​ ​มันโหดไป​ ​ป้าทำ​ไม่​ได้​หรอก" ​หญิงชราบอกเสียงเศร้าๆ

"​ใครๆ​ ​เค้าก็ขึ้นราคา​กัน​ทั้ง​นั้น​ ​ข้าวราดแกง​ 2 ​อย่าง​ ​บางร้านขาย​ 40 ​บาท​ยัง​มี​เลย​ ​ป้าขาย​ 25 ​บาท​ ​จะ​ได้​กำ​ไรอะ​ไร​กัน"​ ​เธอทักท้วง​

หญิงชรายิ้มอย่างใจเย็นบอกว่า​ ​ถ้า​ขึ้นราคาก็คง​ไม่​มี​ใครกิน​ ​แก​จึง​ใช้​วิธีลดปริมาณข้าวของที่​จะ​ต้อง​นำ​มาปรุงลงเสียบ้าง​

"​เนื้อสัตว์​เราก็ลดชิ้นลงเสียหน่อย​ ​หรือ​จะ​ตักข้าวทีก็ยั้งๆ​ ​มือบ้าง​ ​แต่บางทีก็อด​ไม่​ได้​ ​ป้าชอบสงสารคนซื้อ​ ​บางเมนู​เราก็​เลิกขายไปเลย​ ​เช่น​ ​ข้าวเปล่า​กับ​ไข่ดาว​ ​ที่​เดิมขาย​ 10 ​บาท​ ​ตอนนี้​ไม่​ได้​แล้ว​ ​เพราะ​ ​เทน้ำ​มัน​ ​ติดแก๊ส​ ​ก็​ไม่​คุ้ม​แล้ว​ ​ของบางอย่างที่ร้านป้าลดคุณภาพ​ไม่​ได้​ ​โดย​เฉพาะข้าวสาร​ ​ถึง​จะ​แพงแสนแพง​ยัง​ไงป้าก็​ยัง​ใช้​ข้าวหอมมะลิ​ ​หุงปน​กับ​ข้าวเสา​ไห้​เหมือนเดิม​ ​ไม่​งั้นมัน​จะ​แข็ง​ ​กิน​ไม่​ได้​เลย"



องค์ประกอบ​เล็กๆ​ ​น้อยๆ​ ​ใน​ร้านอาหารที่หลายๆ​ ​คนอาจ​จะ​มองข้ามทุกอย่าง​เป็น​ต้นทุน​ทั้ง​หมด​ ​อย่างน้ำ​ปลาพริก​ ​พริกก็ขึ้นราคา​ ​มะนาวใบละ​ 4 ​บาท​ ​แตงกวากิ​โลละ​ 50 ​บาท​ ​ใครสั่งไข่​เจียวหมูสับ​ ​นอก​จาก​ไข่​ ​หมู​ ​และ​น้ำ​มันขึ้นราคา​แล้ว​ ​ซอสพริก​ ​และ​ซอสมะ​เขือเทศ​ ​ก็ขึ้นราคาอีก​ด้วย

"​ใคร​ใส่​ซอสเยอะๆ​ ​ป้าอาจ​จะ​มี​เหล่ๆ​ ​บ้าง​ ​แต่​ไม่​ได้​ห้าม" ​แกพูดพร้อม​กับ​อมยิ้ม

อดคิด​ถึง​ตัวเอง​ไม่​ได้​ที่ชอบไปตลาดตอนเย็นๆ​ ​หรือ​พลบค่ำ​ ​เพราะ​ช่วงเวลา​นั้น​ผัก​จะ​ราคาถูกมาก​ ​เนื่อง​จาก​พ่อค้า​แม่ค้า​เห็นว่าหากขาย​ไม่​หมดผักคง​จะ​เหี่ยวทิ้งไปเปล่าๆ​ ​จึง​ต้อง​เอามา​เลหลัง​ ​ใส่​จานขาย​ ​จานละ​ 10 ​บาท​ ​เลือกดีๆ​ ​จะ​ได้​ผักดีๆ​ ​ไปเก็บ​ใส่​ตู้​เย็นกิน​ได้​หลายวันเหมือน​กัน

ป้าพัดยิ้ม​กับ​คำ​บอกเล่าของ​ผู้​ไปเยือน​ ​แต่​แกแย้งว่า​ ​บางคนมีทางเลือก​ ​แต่​แม่ค้าอย่างแกเลือกเวลา​ไม่​ได้​ ​จะ​ต้อง​ทำ​มาหากินตั้งแต่​เช้า​ ​คง​ไม่​สามารถ​รอจังหวะ​เวลาการซื้อเช่น​นั้น​ได้​

แล้ว​ทุกวันนี้ป้า​ได้​กำ​ไรวันละ​เท่า​ไหร่​ ​อยู่​ได้​หรือ​คะ​ ​ผู้​ไปเยือนสงสัย

หญิงชรายิ้มอีกครั้ง​ ​เป็น​ยิ้มแบบฝืนๆ

"ขายดีหน่อยก็​ได้​วันละ​ 100 ​บาท​ ​ตั้งแต่​ 7 ​โมง​เช้า​ ​ถึง​ 3 ​ทุ่ม​ ​วันไหนขาย​ไม่​ดีก็​ได้​ไม่​ถึง​ร้อย​ ​ยัง​ดีที่ตอนนี้ลูกๆ​ ​เรียนหนังสือจบ​กัน​หมด​แล้ว​ ​และ​บ้าน​ไม่​ต้อง​เช่า​ ​ค่าน้ำ​ ​ค่า​ไฟ​ ​ลูก​ช่วย​ออก​ ​แต่​ยัง​ต้อง​เลี้ยงหลานอีกคน​ ​ต้อง​จ่ายค่า​ไปโรงเรียน​ ​ค่าชุดนักเรียน​ให้​เขา​ ​ลำ​พังกำ​ไร​จาก​อาหารตามสั่ง​ไม่​พอหรอก​ ​ป้า​จึง​หาราย​ได้​พิ​เศษ​ด้วย​การขายลอตเตอรี่​ ​อันนี้ขายดี​ ​เพราะ​แต่ละงวดคนหันมาตั้ง​ความ​หวัง​กับ​ตรงนี้มากขึ้น​ ​ได้​กำ​ไรงวดละพันสองพัน​ ​พอ​เป็น​ค่ายา​ ​เพราะ​ตอนนี้ป้า​ต้อง​ไปหาหมอบ่อย​ ​เนื่อง​จาก​ปวดหลัง" ​ป้าพัดบอก

โชคดีอีกอย่างของชาวชุมชนซอยแสนสุข​และ​ป้าพัดคือ​ ​ชุมชนนี้มีสหกรณ์ออมทรัพย์​ ​เครดิตยู​เนี่ยน​ ​ที่คน​ใน​ชุมชนมากกว่า​ 80% ​เป็น​สมาชิก​ ​ใครที่ขาดเหลืออะ​ไร​ ​สามารถ​พึ่งพาตรงนี้​ได้​ ​ไม่​ต้อง​ไปกู้​เงินนอกระบบ​ ​และ​นอกเหนือ​จาก​อาชีพแม่ค้าอาหารตามสั่ง​แล้ว​ ​ป้าพัด​ยัง​เป็น​อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน​ ​และ​เป็น​ตำ​รวจบ้าน​ใน​ชุมชนแห่งนี้​ด้วย​

"บางครั้ง​ ​การทำ​กิจกรรม​อื่นๆ​ ​นอกเหนือ​จาก​ที่​ต้อง​ดิ้นรนเพื่อปากท้อง​ใน​ชีวิตประจำ​วัน​ ​ก็ทำ​ให้​เราลืม​ความ​ทุกข์​ได้​เหมือน​กัน​ ​ทำ​ให้​รู้​ด้วย​ว่ามีคนที่​เป็น​ทุกข์​และ​ขาดแคลนมากกว่า​เราอีกหลายคน"

เที่ยง​แล้ว​ ​ลูกค้าของป้าพัดทยอย​เข้า​มาสั่งอาหารถี่ขึ้น

25 ​บาท​ ​แลก​กับ​ 1 ​มื้อ​ ​ที่นี่อาจ​จะ​ไม่​อิ่มพุงกางสำ​หรับหลายๆ​ ​คน

แต่มันก็ทำ​ให้​หายหิว​ได้​เหมือน​กัน

รถด่วน​999​กับ​การมองอนาคตผ่านแว่น​ใน​อดีต


ที่มา หนังสือพิมพ์ มติชน

คอลัมน์​ ​มหัศจรรย์การ์ตูน

​โดย​ ​วินิทรา​ ​นวลละออง


แทบ​ไม่​น่า​เชื่อว่า​ ​ผลงานเรื่อง​ Galaxy Express 999 ​ตีพิมพ์ครั้งแรก​ใน​ปี​ 2520 ​คือ​ 31 ​ปีก่อน​ ​หนึ่งปีต่อมาก็สร้าง​เป็น​ภาพยนตร์การ์ตูนทางโทรทัศน์​และ​ได้​รับ​ความ​นิยมจนฉากออกมา​ถึง​ 113 ​ตอน​ ​ใน​ช่วงเวลา​เพียง​ 4 ​ปี​ ​มีการ์ตูนเพียง​ไม่​กี่​เรื่อง​ใน​ธุรกิจอุตสาหกรรมการ์ตูนที่ยิ่ง​ใหญ่​ของญี่ปุ่น​สามารถ​ทำ​ได้​ค่ะ​ ​และ​ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าคือ​ ​เมื่อนำ​ต้น​ฉบับ​ดั้งเดิมมาพิมพ์​ใหม่​และ​เพิ่งหยิบอ่านเมื่อกี้​ ​เนื้อหา​แนวไซไฟ​ซึ่ง​ควรตกยุคไป​ไกล​แบบ​ไม่​เห็นฝุ่นกลับร่วมสมัย​และ​ไม่​มี​ความ​เชยแม้​แต่น้อย​ ​ตัวละครหลักอย่างเมเธลสาวงามเหมือนหลุดมา​จาก​ภาพกำ​เนิดวีนัส​ ​และ​เท็ตสึ​โร่​ ​ได้​สร้างเอกลักษณ์ของตนเองขึ้นมา​และ​ทำ​ให้​ผู้​คนจดจำ​พวก​เขา​ได้​ ​ไม่​มีวันล้าสมัยแม้ว่า​จะ​ผ่านไปอีก​เป็น​ร้อยปีก็ตาม

วันนี้นั่งอ่านเล่ม​ 7 ​ค่ะ​ ​รู้สึกกินใจจน​ต้อง​ยกมาคุยเสียหน่อย​ ​ตอนที่อ่าน​แล้ว​รู้สึกว่า​ ​"​ใช่​เลย​!" ​คือ​ "ดวงดาวแห่งอนาคต" ​แวบแรกคิดว่า​ต้อง​เป็น​ดาวที่​เต็มไป​ด้วย​อุปกรณ์​ไฮเทคมากมายแน่ๆ​ ​แต่อนาคตของการ์ตูนเมื่อสามสิบปีก่อนอาจ​จะ​หมาย​ถึง​ดาวที่​เต็มไป​ด้วย​หุ่นยนต์ก็​ได้

แต่​เมื่อเมเธล​กับ​เท็ตสึ​โร่ลงมาที่ดาวนี้​ ​ทุกอย่างรอบตัวกลับ​ไม่​เป็น​เหมือนอย่างที่คิด​ ​บ้านทุกหลังเหมือนญี่ปุ่นยุคหลังสงคราม​ ​เต็มไป​ด้วย​บ้านเก่าๆ​ ​ที่ซ่อม​แล้ว​ซ่อมอีกเหมือนเพิ่งผ่านพายุมาหมาดๆ​ ​กระทั่งโรงแรมที่รถด่วน​ 999 ​จัด​ให้​ยัง​ซอมซ่อ​จะ​พังมิพังแหล่​ ​แตกต่าง​จาก​โรงแรม​อื่น​ที่​เท็ตสึ​โร่​เคยเห็น​ ​เพราะ​ไม่​มีพนักงานต้อนรับ​หรือ​ห้องพักหรูหรา

ความ​เป็น​อยู่​ของคนบนดาวนี้​เรียบง่าย​ไม่​ซับซ้อนค่ะ​ ​ทุกคนดู​โผงผางตรงไปตรงมา​และ​ขยันขันแข็งทำ​งาน​ ​อาหารที่นำ​มา​ให้​ก็พูนจาน​และ​จัดวางเหมือนอาหารกรรมกร​ ​คือ​ไม่​เน้น​ความ​สวยงาม​ทั้ง​ที่​เป็น​สิ่งสำ​คัญ​ไม่​แพ้รสชาติสำ​หรับอาหารญี่ปุ่น​ ​ห้องอาบน้ำ​รวม​ถ้า​ไม่​ร้อนก็มีคนคอยบริการเติมฟืน​ให้​ ​ลูกสาวเจ้าของโรงแรม​ช่วย​ขัดตัวเท็ตสึ​โร่​ ​(​ด้วย​แปรงขัดพื้น) ​เรียกว่า​เรียบง่าย​ ​ไม่​พิธีรีตองแต่จริงใจ​กัน​ทั้ง​ดาวค่ะ

เช้า​วันรุ่งขึ้น​ ​แทนที่​จะ​เป็น​เช้า​สดใสกลับกลาย​เป็น​เช้า​ที่ยับเยิน​เนื่อง​จาก​มีพายุ​แปลกๆ​ ​พัดโรงแรม​ทั้ง​หลังพังหมด​ ​ไม่​เหมือนพายุ​ใน​บ้านเรานะคะ​ ​พายุขี้​โม้​ใน​การ์ตูน​เขา​พัดพังแค่จุดเดียวค่ะ​ ​ผลคือทุกอย่าง​ใน​โรงแรมกระจัดกระจายหายไป​ทั่ว​เมือง​ ​แต่​เจ้าของโรงแรม​กับ​ลูกสาวก็​ยัง​ยิ้มแย้มราว​กับ​ไม่​มีอะ​ไรเกิดขึ้น

ปัญหาคือบัตรผ่านขึ้นรถด่วน​ 999 ​ของเมเธล​และ​เท็ตสึ​โร่ก็หายไป​กับ​ข้าวของ​ทั้ง​หมด​ด้วย​ ​เหลือแค่​เสื้อผ้าติดตัวคนละชุด

วินาที​นั้น​เท็ตสึ​โร่สงสัยเจ้าของโรงแรม​และ​ลูกสาวขึ้นมาทันที​ ​เป็น​ไป​ได้​อย่างไรที่​โรงแรมพัง​ทั้ง​หลังแต่สองคน​นั้น​ยัง​หัวเราะ​ได้​ ​คำ​ตอบมีอย่างเดียวคือ​ ​สองคน​นั้น​ต้อง​ขโมยบัตรผ่าน​และ​วางแผน​จะ​ขึ้นรถด่วนแทนพวก​เขา​แน่

อ่าน​ถึง​ตรงนี้ก็พยักหน้าค่ะ​ ​เห็น​ด้วยๆ​ ​แต่​เมเธลกลับบอกว่า​ "​เท็ตสึ​โร่​จะ​สงสัยคนที่นี่​ไม่​ได้​นะ​" ​นั่งรอซักพักก็มีคนเอารา​เมงมา​ให้​กิน​และ​ปลอบใจว่า​ไม่​ต้อง​กลัว​ ​ซักวัน​ต้อง​มี​เรื่องดีๆ​ ​เกิดขึ้นแน่​ ​เท็ตสึ​โร่​ถึง​กับ​ยิ้มออกเลยค่ะ​ ​เขา​สาบานว่า​แม้บัตร​จะ​ถูกขโมย​และ​ต้อง​ติด​อยู่​ที่ดาวนี้​ ​แต่ซักวัน​เขา​ต้อง​ไป​ยัง​ดาวที่​ต้อง​การ​ให้​ได้​ ​เขา​มองเห็นตัวเอง​ใน​อนาคต​เป็น​อย่าง​นั้น

ใน​ที่สุดของ​ทั้ง​หมดรวม​ถึง​บัตรผ่านก็ถูกนำ​มาคืน​ให้​ทั้ง​สองจน​ได้​ ​ของทุกชิ้นถูกพายุพัดกระจายไป​ทั่ว​เมือง​ ​แต่ชาวเมืองก็ร่วมแรงร่วมใจหามา​ให้​ได้​ครบทุกชิ้น​ ​เท็ตสึ​โร่อ้าปากค้างเลยค่ะ​ ​เขา​ถามว่า​ ​ไม่​ขโมยบัตรไปขึ้นรถไฟเหรอ​ ​เจ้าของโรงแรมก็หัวเราะ​แล้ว​บอกว่า​ ​จะ​ขโมยทำ​ไม​ ​ของแบบ​นั้น​แค่ตั้งใจทำ​งาน​ ​ซักวันก็ซื้อเอง​ได้​ ​โรงแรมพัง​แล้ว​แต่มือเท้า​ยัง​อยู่​ก็สร้างขึ้นมา​ใหม่​ได้

และ​เพราะ​ทุกคนเชื่อมั่นว่า​ความ​พยายาม​จะ​นำ​มา​ซึ่ง​อนาคตที่ดี​ ​จึง​ไม่​มี​ใครอิจฉาอยากมีของที่คน​อื่น​มี​ ​เพราะ​ถ้า​คน​อื่น​มี​ได้​ ​ซักวันเราก็​ต้อง​มี​ได้​เช่น​กัน​ ​แต่ช้า​หรือ​เร็ว​เท่า​นั้น​เอง

อ่านจบ​แล้ว​รู้ทันทีว่า​เมเธล​ให้​เท็ตสึ​โร่​แวะที่ดาวนี้ทำ​ไม​ ​เท็ตสึ​โร่​เติบโตขึ้น​และ​เริ่มมองเห็นอนาคตของตัวเอง​ ​ใน​ระหว่างที่คนอ่านก็​โตขึ้น​และ​ดี​ใจที่​ยัง​มือสองมือสองเท้า​ให้​ทำ​งาน​ได้​เช่น​กัน

ไม่​น่า​เชื่อเลยค่ะ​ ​ได้​ยินสุภาษิต​ ​"​ความ​พยายาม​อยู่​ที่​ไหน​ ​ความ​สำ​เร็จ​อยู่​ที่นั่น" ​มาตั้งนานแต่​ไม่​เคยซาบซึ้ง​ ​แต่​เพียงแค่อ่านการ์ตูนเรื่องเดียวก็​เข้า​ใจอย่างซาบซึ้งเลยค่ะ​ ​ความ​ดี​เห็นที​จะ​แค่สอน​ไม่​ได้​ ​ต้อง​นำ​เสนออย่างน่าสนใจ​ด้วย​นะคะ​เด็กๆ​ ​ถึง​จะ​ยอมทำ​ตาม

วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เมาแล้วขับ !!!

เกิดโกลาหลหน้า​โรงแรมโอเรียนเต็ลวันก่อน​ ​เมื่อแขกโรงแรมหุ่น​ “​อา​แปะ​” กลับลงมา​จาก​งานแต่งงาน​ ​ก็​ให้​พนักงานไปเอารถที่​ใช้​ ​บริการ​ VALET PARKING ​มา​ ​พอ​ได้​กุญแจ​ ​และ​ให้​ลูกเมียขึ้นนั่งรถแวนเรียบร้อย ​อา​แปะ ​ก็ขับออกไป​ ​แต่​ยัง​ไง​ไม่​รู้​ ​รถพุ่งชนเบนซ์รุ่น​ใหม่​เอี่ยม​ ​ที่จอด​อยู่​ตรงเกาะกลางเต็มรัก​ ​ทำ​ให้​รถกระ​เด้งไปกระ​แทกรถบี​เอ็มฯซีรีส์​ 7 ​อีก​ 2 ​คันเสียหายไป​ด้วย ​อา​แปะ ​ตกใจมาก​ ​รีบ​เข้า​เกียร์​ใหม่​ ​คราวนี้ถอยหลังเต็มที่​ ​จึง​ไปชนรถลีมูซีนของโรงแรมอีก​ 2 ​คัน​ ​และ​แรงกระ​แทกทำ​ให้​ไปเสยกระถางต้นไม้ขนาด​ใหญ่​จนแตก​ ​เศษกระ​เบื้องหนาหนัก​ ​หล่นโครมมาบนฝากระ​โปรงรถอีก​ 2 ​คัน​ ​คันนึง​เป็น​พอร์ซ​ ​สรุปว่ามีรถเสียหาย​จาก​ผลงานการขับของ ​อา​แปะ ​ไป​ 7 ​คันรวด​!

“​เจ้าของรถ​” (เบนซ์​ ​และ​ ​บี​เอ็ม) ​จึง​เรียก ​อา​แปะ ​ไปเจรจา​ ​ถามว่าขับ​ยัง​ไง​ถึง​ได้​ชนขนาด​นั้น​ อา​แปะ ​ตัวสั่นงันงก​ ​อธิบายตะกุกตะกักว่า​ “​ไปงาง​ ​แต่งงางลูกเพื่อง​ ​เพื่องมังเอา​เอา​เบียร์​ให้​กิงแก้วนึง​ ​แล้ว​ก้อเอาวิก​-​สะ​ ​กี้​ให้​ ​กิงอีกแก้วนึง​ ​ไวน์อีก​ 2 ​แก้ว​ ​กิงไป​ 4 ​แก้ว​ ​ขามังเก็งค้างกาทันหัน​ (ขา​เกร็งค้างกะทันหัน) ​เลยเหยียบคังเร่งแรงไป​”

“​เจ้าของรถ​” ถามว่า​ ​แล้ว​จะ​คิดค่า​เสียหาย​ยัง​ไง​ ​คราวนี้​ อา​แปะ ​ซึ่ง​เป็น​เจ้าของร้านขายเครื่องไฟฟ้า​เล็กๆ​ ​แถวอุรุพงษ์​ ​หน้าจ๋อย​ ​บอกว่า​ “​ก็​ต้อง​ขายของ​ ​ขายบ้าง​ (ขายบ้าน) ​เอา​เงิงมา​ใช้​ ​ผิกก็​ต้อง​ยอมรับผิก​” “​เจ้าของรถ​” ​จึง​ให้ ​อา​แปะ​ ไปดูสภาพรถที่​เสียหาย​ ​เพื่อ​ให้​รู้ว่า​ “​เจ้าของรถ​” ​รักรถ​และ​ดู​แลรถดี​เยี่ยมแค่​ไหน​ ​อา​แปะ​ ​และ​ลูกเมีย​ ​เดินดูรถไปหน้าซีดไป​ ​เพราะ​เสียหายมาก​ ​พอดูรถ​แล้ว​ “​เจ้าของรถ​” ​ก็​เรียกมาคุยอีก​ ​โดย​บอกว่า​ ​ความ​เสียหาย​ใน​ส่วน​นี้​จะ​ยกโทษ​ให้​ ​เพราะ​เห็นว่า​ไม่​ได้​ร่ำ​รวยอะ​ไร​ ​หาก​ต้อง​รับผิดชอบค่าซ่อม​ ​ครอบครัวคง​จะ​เดือดร้อนหนัก​ ​แล้ว​บอก​กับ​ลูกๆ​อา​แปะว่า​ ​ไม่​ควร​ให้​พ่อขับรถอีก​ ​เพราะ​อายุ​ 71 ​แล้ว​ ​ลูกหลานควร​จะ​ขับ​ให้​ ​เพราะ​ถ้า​ไปชนกลางถนนหลวงอาจ​จะ​มีคนเจ็บคนตาย

อา​แปะ​และ​ลูกเมีย ​ถึง​กับ​น้ำ​ตาคลอเบ้า​ ​ก้มกราบพระบาท “​เจ้าของรถ​” ด้วย​สำ​นึก​ใน​พระ​เมตตาธิคุณของ​ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ​ ​สยามมกุฎราชกุมาร ​อย่างล้นพ้น​และ​จดจำ​ไปจนชั่วชีวิต​ ​ที่พระราชทานอภัย​ ​ทั้ง​ที่​ อา​แปะ “​เมา​แล้ว​ขับ​” ​จนชนรถ​ ร​.​ย​.​ล​. ซึ่ง​จอดรอ ​พระ​เจ้าหลานเธอ​ ​พระองค์​ ​เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์​ และ​รถ​อื่นๆ​ ​เสียหายไปประมาณ​ 2 ​ล้านบาท​!!

ตอน​ อา​แปะ ​กราบบังคมทูลลา ​สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ​ ​สยามมกุฎราชกุมาร​ ได้​พระราชทาน ​สติกเกอร์​ ให้​ 1 ​แผ่น​ ​รับสั่ง​ให้​เอา​ไว้​ติดรถ​ ​เพื่อเตือนสติ​--​เป็น​สติกเกอร์​ เมา​ไม่​ขับ​!!

ที่มา ไทยรัฐ