วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2551




ผู้​สื่อข่าวรายงานว่า​ ​ช่วง​เช้า​ที่ผ่านมา​ (23 ​ม​.​ค​.) ​บริ​เวณถนนสายรวมวิทย์​ ​เขตเทศบาลนครยะลา​ ​ชุมชนตลาดยาม​เช้า​ ​ภาย​ใน​เขตเทศบาลนครยะลา​ ​จ​.​ยะลา​ ​พระราชธรรมนิ​เทศ​ (พระพยอม​ ​กัลยา​โณ) ​เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ​พร้อม​ด้วย​คณะสงฆ์​ใน​พื้นที่​ ​จ​. ​ยะลา​ ​ออกรับบิณฑบาตประชาชน​ใน​พื้นที่​เพื่อร่วมทำ​บุญตักบาตร​และ​เป็น​ขวัญกำ​ลังใจ​กับ​ชาวจ​.​ยะลา​ ​โดย​มีประชาชนชาวไทยพุทธ​ใน​พื้นที่ร่วมทำ​บุญ​เป็น​จำ​นวนมาก​ ​ท่ามกลางการดู​แลรักษา​ความ​ปลอดภัยของเจ้าหน้าที่​ ​ทหาร​-​ตำ​รวจ​ ​และ​อาสาสมัครอย่างเข้มงวด​ ​โดย​การปิดกั้นเส้นทางถนนดังกล่าว​ ​พร้อมตรวจ​ค้น​กลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเส้นทางดังกล่าว​ด้วย

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2551

บุญของแบงค์ยี่สิบ


กาลครั้งหนึ่ง ในปัจจุบันกาลนี่เอง ธนบัตรแบงค์ ๑๐๐๐ ได้ถูกพิมพ์ออกมาสู่ท้องตลาด หลังจากนั้นก็ได้สถิตย์อยู่ในกระเป๋าของนักธุรกิจ ประชาชนผู้มีอันจะกินทั้งหลาย
ด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่งจนอดเก็บไว้ไม่อยู่


แบ๊งค์ ๑๐๐๐ จึงพูดกับแบงค์อื่นๆออกมาว่า
" นี่พวกเธอ ดูสิ ฉันได้เดินทางไปที่ต่างๆกับบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย ฉันไปมาแล้วทั่วโลก ทั่วทุกทวีปก็ว่าได้ "


แบงค์ ๕๐๐ จึงพูดว่า .....
" เธอนี่โชคดีจังที่ได้เดินทางไปทั่วโลก แต่ฉันก็ได้เดินทางไปตามห้างสรรพสินค้า ทั้งขึ้นเหนือล่องใต้ทั่วประเทศเหมือนกันนะ "


แล้วแบงค์ ๑๐๐๐ กับ แบงค์ ๕๐๐ ก็หันมามอง แบงค์ ๒๐ ซึ่งฟังอยู่อย่างสงบ
" แล้วเธอล่ะ แบงค์ ๒๐ เธอไปไหนมาบ้าง เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ "


แบงค์ ๒๐ ที่ฟังอย่างเงียบๆ เมื่อถูกขยั้นขยอให้เล่า จึงพูดขึ้น
" ฉันไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศหรือตามห้างสรรพสินค้าหรอก ส่วนใหญ่ฉันจะอยู่ตามวัด เขาทำบุญวัด อยู่ในตู้บริจาค และติดอยู่ตามต้นกฐิน ถึงฉันจะไม่ใหญ่โตอะไร แต่งานบุญทุกงานก็มีพวกฉันมากที่สุดนะจะบอกให้ "


เรื่องนี้สอนให้ รู้ว่า ...

คนเราเวลาใช้จ่ายเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน จ่ายเป็นพันเป็นหมื่นไม่มีความ ประหยัด เสียดายเลย แต่เวลาทำบุญกลับ ประหยัด เหลือเกิน ทำแค่ ๒๐ บาทก็พอ

" ทำบุญ...อย่าเหนียว ซี้เลี้ยว...อดบุญ "

ที่มา Forward Mail

Kanon in C

ฟังเพราะดี


วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2551

ออกกำลัง พัฒนาสมอง



​การเตรียมตัวเตรียมใจ​ให้​พร้อม​ ​สำ​หรับภาระอันหนักอึ้ง​ใน​การเรียน​ ​มิดเทอม​ ​และ​การสอบไฟนอล​ ​เรา​ต้อง​เริ่มตั้งแต่​ ​อาทิตย์ต้นๆ​ ​จาก​งานวิจัย​ ​ได้​ชี้​ให้​เรารู้ว่าการออกกำ​ลังกาย​ ​ส่งผล​โดย​ตรงต่อสมรรถภาพทางสมอง​ ​ทำ​ให้​ใช้​สมอง​ได้​อย่างมีประสิทธิภาพ​ ​การออกกำ​ลัง​จะ​ส่งเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมอง​ได้​ดีกว่าการ​ใช้​อาหาร​ ​และ​ออกซิ​เจนตามธรรมชาติ​ ​โดย​ได้​ทดลอง​กับ​หนู​ ​แล้ว​เห็น​ความ​แตกต่างนี้​ได้​ชัดระหว่างหนูที่ออกกำ​ลัง​ ​กับ​หนูที่​ไม่​ได้​ออกกำ​ลัง

​เลือดที่ถูกเพิ่ม​เช้า​ไปหมุนเวียน​ใน​สมอง​ ​จะ​ช่วย​เร่งผลิตการกำ​จัด​ ​ตัว​ toxic ​ทั้ง​หลาย​ให้​ออกไป​จาก​สมองเรา​ ​ซึ่ง​พวกสารเหล่า​นั้น​ ​สามารถ​ทำ​ลายเซลล์สมองของเรา​ได้​ ​เรา​ได้​ศึกษา​จาก​นักศึกษามหาวิทยาลัย​ ​ที่​เป็น​นักกีฬา​ ​โดย​ให้​วิ่งอย่างน้อยสัปดาห์ละ​ 30 ​ไมลล์​ ​เป็น​เวลา​ 3 ​เดือน​ ​ปรากฏว่า​เกรดเฉลี่ยของพวก​เขา​ ​ดีขึ้นกว่านักศึกษา​ ​ที่​ไม่​ได้​ออกกำ​ลังกาย​ ​ด้วย​แอโรบิค​ใดๆ​เลย

​อีกวิธีหนึ่ง​ใน​การออกกำ​ลังก็คือ​ ​ใช้​ท่า​ complex movement ​เช่นยกน้ำ​หนักแบบที่​ไม่​ใช้​สายเคเบิล​ ​การยกน้ำ​หนักพวกนี้​ ​ทำ​ให้​สมองของคุณ​ต้อง​ทำ​งานร่วม​กับ​ประสาทสัมผัส​อื่นๆ​ ​มีงานศึกษา​จาก​หนู​ ​ที่นำ​ไปฝึกการกระ​โดดเชือก​ ​และ​การเล่นบริดจ​(bridges) ​พบว่าหนู​เหล่า​นั้น​ ​มีการเชื่อมโยง​กัน​ระหว่างเซลล์ประสาท​ได้​ดีขึ้น​ ​เมื่อมีการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทมากขึ้น​ ​ก็ส่งผลดีต่อการเรียนรู้สิ่งต่างๆ​สำ​หรับสิ่งมีชีวิตมากยิ่งขึ้น​

​การออกกำ​ลังหลายๆ​รูปแบบ​ ​สามารถ​เพิ่มระดับของ​ neurotropic substances ​ที่ส่งผล​โดย​ตรง​กับ​การเติบโตของ​ ​เนื่อเยื่อที่​เชื่อมระหว่างเซลล์ประสาท​ทั้ง​หลาย​ ​ทำ​ให้​เซลล์ประสาทเหล่า​นั้น​ ​ดูสดใส​ ​และ​มีสุขภาพที่ดี​ ​เมื่อทดลอง​กับ​สัตว์​แล้ว​ก็​ได้​ข้อสนับสนุนทฤษฎีดังกล่าว​ด้วย​ ​เรา​ยัง​ได้​รับรายงานยืนยัน​จาก​นักศึกษาหลายๆ​คน​ ​ที่​ได้​เริ่มการออกกำ​ลังกายว่า​ ​ทำ​ให้​ผลการเรียนดีขึ้น​

​หลักง่ายๆ​ก็คือ​ ​เมื่อคุณเอา​ใจ​ใส่​ร่างกายคุณมาก​เท่า​ไร​ ​จิตใจของคุณก็​จะ​ได้​รับผลดี​ไป​ด้วย​ ​โดย​เฉพาะ​เมื่อคุณ​ต้อง​เตรียมตัวสอบ​ ​ไฟนอล​ ​มัน​จะ​ทำ​ให้​คุณเกิดทัศนคติ​ ​และ​วิธีคิด​เป็น​บวก​ ​ซึ่ง​เป็น​ผลดีต่อการเรียนของคุณ​ ​ดัง​นั้น​ ​จงเอา​ใจ​ใส่​ใน​การออกกำ​ลังกาย​ ​เช่นการเพาะกาย​ ​แล้ว​คุณ​จะ​ได้​รับข้อพิสูจน์​ ​โดย​ดู​ได้​จาก​ปริมาณ​ความ​รู้​ ​ที่คุณ​ได้​จาก​การเรียน​ ​และ​แน่นอน​ ​เกรดที่สูงขึ้นของคุณ​ด้วย

ที่มา www.tuvuyanon.net
เวปสำหรับการเพาะกายที่ดีที่สุดของไทย :-)

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2551

เทคนิคยีดอายุ เพียงประพฤติตนให้ได้ 4 อย่าง

นักวิทยาศาสตร์การแพทย์พบหนทางยืดอายุคนเราออกไปอีกอาจ​ได้​นาน​ถึง​ 14 ​ปี​ ​ไม่​ว่าคน​นั้น​จะ​ผอม​หรือ​อ้วน​ ​จะ​ยากดีมีจน​เท่า​ไรก็ตาม​ ​ชั่วแต่​เพียงประพฤติปฏิบัติตน​ให้​ได้​ 4 ​อย่าง​เท่า​นั้น​ ​ส่วน​ใครที่ทำ​ไม่​ได้​ ​ก็คง​จะ​ต้อง​ถูกทิ้ง​ให้​ตายลงก่อน​

คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์​และ​สภาวิจัยการแพทย์อังกฤษ​ ​พบหนทาง​จาก​การศึกษาวิจัย​กับ​ประชาชน​ใน​ชนบทของเมืองนอร์​โฟล์ค​ ​วัยระหว่าง​ 45-79 ​ปี​ ​จำ​นวน​ 2 ​หมื่นคน​ ​ที่​ยัง​ไม่​ปรากฏว่า​เป็น​โรคมะ​เร็ง​หรือ​โรคหัวใจแต่อย่าง​ใด​ ​เมื่อเวลาระหว่าง​ ​พ​.​ศ​. 2536-2549 ​โดย​ได้​พิจารณา​ให้​คะ​แนนสำ​หรับ​ผู้​ที่​ไม่​สูบบุหรี่​ ​ไม่​ดื่มสุรา​ใน​แต่ละสัปดาห์มากเกินไป​ ​กินผัก​และ​ผลไม้​อยู่​ประจำ​วันละ​ 5 ​มื้อ​ ​และ​ไม่​นอนทอดหุ่ย​อยู่​เฉยๆ​ ​ออกกำ​ลังอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง​กัน​ ​คนละอย่างละ​ 1 ​แต้ม​

พวก​เขา​ได้​พบว่า​ ​บรรดา​ผู้​ที่​ได้​คะ​แนนเต็มหมดคนละ​ 4 ​แต้ม​ ​เมื่อเทียบ​กับ​ผู้​ที่​ไม่​ได้​คะ​แนนเลย​ ​แทบ​จะ​ไม่​มี​ใครเสียชีวิตลงระหว่างช่วงเวลา​นั้น​ ​ทั้ง​ยัง​พบ​ด้วย​ว่า​ผู้​ที่มีอายุ​แค่​ 60 ​ปี​ ​ของกลุ่มที่​ไม่​มีคะ​แนนเลย​ ​กลับมา​เสี่ยง​กับ​การ​ใกล้​ตายมาก​เท่าๆ​กับ​ผู้​ที่มีอายุ​ 74 ​ปี​ ​ที่มี​ 4 ​คะ​แนนเต็ม​

ผลการศึกษาครั้งนี้​ ​ทำ​ให้​กลุ่ม​ผู้​สนับสนุนการมีสุขภาพดี​ ​อย่างโฆษกมูลนิธิ​โรคหัวใจแห่งอังกฤษ​ ​กล่าวอย่างเต็มปากขึ้นว่า​ “​มัน​เป็น​ข่าวดี​และ​แสดง​ให้​เห็นว่า​ ​ชั่วแต่การดำ​รงชีวิตอย่างถูก​ต้อง​ ​ก็​จะ​ช่วย​ให้​หนีห่าง​จาก​ความ​ตาย​จาก​โรคหัวใจ​และ​โรคการไหลเวียนของโลหิตพ้น​ได้​”.


ที่มา ไทยรัฐ


====
ใช้เทคนิด 4 ข้อข้างตน แล้วติดตามการปฏิบัติด้วย Joe's Goals น่าจะดี

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2551

สะกดจิต เพื่อพัฒนาการเรียน

เคยได้เขียนเรื่องเกี่ียวกับการสะกดจิตไว้นะครับ

ผู้ที่ยังไม่ได้อ่านกรุณา คลิก อ่านที่นี่ก่อน

สะกดจิตติดตลก 1

สะกดจิตติดตลก 2


ผู้เขียนได้ทดลองด้วยตนเอง แล้วคิดว่าได้ผลดีมาก


วันนี้เลยมีของฝาก อยากจะเผยแพร่เพื่อการพัฒนาการเรียนของนักเรียนนักศึกษา

เป็นเสียงสะกดจิตเพื่อพัฒนาการเรียนแบบสั้น ๆ ( 6MB)

Download คลิกที่นี่<--(หลังจากวางไฟล์ให้ download หนึ่งสัปดาห์แล้ว จะเอาออกเพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ท่านใดต้องการไฟล์ติดต่อขอทาง e-mail นะครับ จะจัดส่งให้) เริ่มง่าย ๆ ก่อนจะเริ่มอ่านหนังสือทบทวน เปิดหนังสือ เตรียมจะอ่าน เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม นั่งสบาย ๆ ค่อย ๆ หลับตา แล้วฟัง ใช้เวลาแค่ 7 นาที แต่คิดว่า ประสิทธิภาพในการเรียนรู้จะดีขึ้น คุ้มค่าเวลา 7 นาทีที่เสียไป สำหรับไฟล์ ที่นำมาเผยแพร่วันนี้เป็นแบบสั้น แบบเต็ม ๆ นั้น ยาวประมาณครึ่งชั่วโมง และมีรายละเอียดเยอะกว่ามาก ก็ขอแจกไว้เป็นตัวอย่าง และแนะนำการสะกดจิตเพื่อพัฒนาศักยภาพตัวเอง (คิดว่า คงไม่ละเมิตลิขสิทธิ์ของ เจ้าของ CD จนเกินไปนะครับ)


สำหรับผู้ที่ฟังแล้วสนใจอยากได้แบบเต็ม หรือ CD สะกดจิตแบบอื่น หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่ม
ทิ้งข้อความบอกไว้นะครับ

กระบวนการทางปัญญา

โดย​…………​ศ​.​นพ​.​ประ​เวศ​ ​วะสี

๑. ​ฝึกสังเกต​ ​สังเกต​ใน​สิ่งที่​เรา​เห็น​ ​หรือ​สิ่งแวดล้อม​ ​เช่น​ ​ไปดูนก​ ​ดูผี​เสื้อ​ ​หรือ​ใน​การทำ​งาน​ ​การฝึกสังเกต​จะ​ทำ​ให้​เกิดปัญญามาก​ ​โลกทรรศน์​ ​และ​วิธีคิด​ ​สติ​-​สมาธิ​ ​จะ​เข้า​ไปมีผลต่อการสังเกต​ ​และ​สิ่งที่สังเกต

๒. ​ฝึกบันทึก​ ​เมื่อสังเกตอะ​ไร​แล้ว​ควรฝึกบันทึก​ ​โดย​จะ​วาดรูป​หรือ​ ​บันทึกข้อ​ความ​ ​ถ่ายภาพ​ ​ถ่ายวีดิ​โอ​ ​ละ​เอียดมากน้อยตามวัย​และ​ ​ตามสถานการณ์การบันทึก​เป็น​การพัฒนาปัญญา​

๓. ​ฝึกการนำ​เสนอต่อที่ประชุม​ ​กลุ่ม​ เมื่อ​ ​มีการทำ​งานกลุ่ม​ ​เรา​ ​ไปเรียนรู้อะ​ไรมาบันทึกอะ​ไรมา​ ​จะ​นำ​เสนอ​ให้​เพื่อน​หรือ​ครูรู้​เรื่อง​ ​ได้​อย่างไร​ ​ก็​ต้อง​ฝึกการนำ​เสนอการนำ​เสนอ​ได้​ดี​จึง​เป็น​การพัฒนา​ ​ปัญญา​ทั้ง​ของ​ผู้​นำ​เสนอ​และ​ของกลุ่ม

๔. ​ฝึกการฟัง​ ​ถ้า​รู้จักฟังคน​อื่น​ก็​จะ​ทำ​ให้​ฉลาดขึ้น​ ​โบราณเรียกว่า​ ​เป็น​พหูสูตบางคน​ไม่​ได้​ยินคน​อื่น​พูด​ ​เพราะ​หมกมุ่น​อยู่​ใน​ความ​คิด​ ​ของตัวเอง​หรือ​มี​ความ​ฝังใจ​ใน​เรื่อง​ใด​เรื่องหนึ่งจนเรื่อง​อื่น​เข้า​ไม่​ได้​ ​ฉันทะ​ ​สติ​ ​สมาธิ​ ​จะ​ช่วย​ให้​ฟัง​ได้​ดีขึ้น

๕. ​ฝึกปุจฉา​-​วิสัชนา​ ​เมื่อมีการนำ​เสนอ​และ​การฟัง​แล้ว​ ​ฝึกปุจฉา​-​วิสัชนา​ ​หรือ​ถาม​-​ตอบ​ ​ซึ่ง​เป็น​การฝึก​ใช้​เหตุผล​ ​วิ​เคราะห์​ ​สังเคราะห์​ ​ทำ​ ​ให้​เกิด​ความ​แจ่มแจ้ง​ใน​เรื่อง​นั้นๆ​ ​ถ้า​เราฟังครู​โดย​ไม่​ถาม​-​ตอบ​ ​ก็​ ​จะ​ไม่​แจ่มแจ้ง

๖. ​ฝึกตั้งสมมติฐาน​และ​ตั้งคำ​ถาม​ ​เวลา​เรียนรู้อะ​ไรไป​แล้ว​ ​เรา​ ​ต้อง​สามารถ​ตั้งคำ​ถาม​ได้​ว่า​ ​สิ่งนี้คืออะ​ไร​ ​สิ่ง​นั้น​เกิด​จาก​อะ​ไร​ ​อะ​ไรมีประ​โยชน์​ ​ทำ​อย่างไร​จะ​สำ​เร็จประ​โยชน์อัน​นั้น​ ​และ​มีการ​ ​ฝึกการตั้งคำ​ถาม​ ​ถ้า​กลุ่ม​ช่วย​กัน​คิดคำ​ถามที่มีคุณค่า​และ​มี​ความ​ ​สำ​คัญ​ ​ก็​จะ​อยาก​ได้​คำ​ตอบ

๗. ​ฝึกการ​ค้น​หาคำ​ตอบ​ ​เมื่อมีคำ​ถาม​แล้ว​ก็ควรไป​ค้น​หาคำ​ตอบ​ ​จาก​หนังสือ​ ​จาก​ตำ​รา​ ​จาก​อินเตอร์​เน็ต​ ​หรือ​ไปคุย​กับ​คนเฒ่าคน​ ​แก่​ ​แล้ว​แต่ธรรมชาติของคำ​ถาม​ ​การ​ค้น​หาคำ​ตอบต่อคำ​ถามที่​ ​สำ​คัญ​จะ​สนุก​และ​ทำ​ให้​ได้​ความ​รู้มาก​ ​ต่าง​จาก​การท่องหนังสือ​ ​โดย​ไม่​มีคำ​ถาม​ ​บางคำ​ถามเมื่อ​ค้น​หาคำ​ตอบทุกวิถีทางจนหมด​ ​แล้ว​ก็​ไม่​พบ​ ​แต่ถาม​ยัง​อยู่​ ​และ​มี​ความ​สำ​คัญ​ ​ต้อง​หาคำ​ตอบต่อ​ ​ไป​ด้วย​การวิจัย

๘. ​การวิจัย​ ​การวิจัยเพื่อหาคำ​ตอบ​เป็น​ส่วน​หนึ่งของกระบวนการ​ ​เรียนรู้ทุกระดับการวิจัย​จะ​ทำ​ให้​ค้น​พบ​ความ​รู้​ใหม่​ ​ซึ่ง​จะ​ทำ​ให้​เกิด​ ​ความ​ภูมิ​ใจ​ ​สนุก​ ​และ​มีประ​โยชน์มาก

๙. ​เชื่อมโยงบูรณาการ​ ​ให้​เห็น​ความ​เป็น​ทั้ง​หมด​และ​เห็นตัวเอง​ ​ธรรมชาติของสรรพสิ่งล้วนเชื่อมโยง​ ​เมื่อเรียนรู้อะ​ไรมาอย่า​ให้​ความ​ ​รู้​นั้น​แยก​เป็น​ส่วน​ ​ๆ​ ​แต่ควร​จะ​เชื่อมโยง​เป็น​บูรณาการ​ให้​เห็น​ความ​เป็น​ ​ทั้ง​หมด​ใน​ความ​เป็น​ทั้ง​หมด​จะ​มี​ความ​งาม​ ​และ​มีมิติ​อื่น​ผุดบังเกิด​ ​ออกมา​เหนือ​ความ​เป็น​ส่วน​ ​ๆ​ ​และ​ใน​ความ​เป็น​ทั้ง​หมด​นั้น​มอง​ให้​ ​เห็นตัวเอง​ ​เกิดการรู้ตัวเองตาม​ความ​เป็น​จริง​ ​ว่าสัมพันธ์​กับ​ความ​ ​เป็น​ทั้ง​หมดอย่างไร​ ​จริยธรรม​อยู่​ที่ตรงนี้​ ​คือการเรียนรู้ตัวเองตาม​ ​ความ​เป็น​จริง​ ​ว่าสัมพันธ์​กับ​ความ​เป็น​ทั้ง​หมดอย่างไร
​ดัง​นั้น​ ​ไม่​ว่าการเรียนรู้อะ​ไร​ ​ๆ​ ​ก็มีมิติทางจริยธรรม​อยู่​ใน​นั้น​เสมอ​ ​มิติทางจริยธรรม​อยู่​ใน​ความ​เป็น​ทั้ง​หมดนั่นเอง​ ​ต่าง​จาก​การเอา​ ​จริยธรรมไป​เป็น​วิชา​ ​ๆ​ ​หนึ่งแบบแยก​ส่วน​ ​แล้ว​ก็​ไม่​ค่อย​ได้​ผล​ ​ใน​การบูรณาการ​ความ​รู้ที่​เรียนรู้มา​ให้​รู้​ความ​เป็น​ทั้ง​หมด​ ​และ​เห็นตัวเองนี้​ ​จะ​นำ​ไปสู่อิสรภาพ​และ​ความ​สุขอันล้นเหลือ​ ​เพราะ​ ​หลุดพ้น​จาก​ความ​บีบคั้นของ​ความ​ไม่​รู้​ ​การไตร่ตรองนี้​จะ​โยงกลับไป​ ​สู่วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ที่ว่า​เพื่อลดตัวกู​-​ของกู​ ​และ​เพื่อการ​ ​อยู่​ร่วม​กัน​อย่างสันติ​ ​อัน​จะ​ช่วย​กำ​กับ​ให้​การแสวงหา​ความ​รู้​เป็น​ไป​ ​เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว​ ​มิ​ใช่​เป็น​ไปเพื่อ​ความ​กำ​เริบแห่งอหังการ​ ​มมังการ​ ​และ​เพื่อรบกวนการ​อยู่​ร่วม​กัน​ด้วย​สันติ

๑๐. ​ฝึกการเขียนเรียบเรียงทางวิชาการ​ ​ถึง​กระบวนการเรียนรู้​และ​ความ​รู้​ ​ใหม่​ที่​ได้​มาการเรียบเรียงทางวิชาการ​เป็น​การเรียบเรียง​ความ​คิด​ให้​ประณีต​ ​ขึ้น​ ​ทำ​ให้​ค้น​คว้าหาหลักฐานที่มาที่อ้างอิงของ​ความ​รู้​ให้​ถี่ถ้วนแม่นยำ​ขึ้น​ ​การเรียบเรียงทางวิชากร​จึง​เป็น​การพัฒนาปัญญาของตนเองอย่างสำ​คัญ​ ​และ​เป็น​ประ​โยชน์​ใน​การเรียนรู้ของ​ผู้​อื่น​ใน​วงกว้างออกไป

ที่มา www.budpage.com

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2551

++ ​ทำ​ไมพระพุทธศาสนา​จึง​สอน​ให้​หา​ "หนทางดับทุกข์​" ​แทนที่​จะ​แสวงหา​ "หนทางแห่ง​ความ​สุข" ++

ตัดทอน จากกระทู้หนึ่งใน Pantip.com





++ ​ทำ​ไมพระพุทธศาสนา​จึง​สอน​ให้​หา​ "หนทางดับทุกข์​" ​แทนที่​จะ​แสวงหา​ "หนทางแห่ง​ความ​สุข" ++

แค่นึกสงสัย
ตามหัวข้อกระทู้คับ​..


จาก​คุณ​ : homeless - [ 3 ​ม​.​ค​. 51 19:34:42 ]
..........

================
เรียน​ ​จขกท​.

เหตุผลก็คือ​
พระพุทธศาสนาสอนว่า
ทุกชิวิตที่​เกิดมา​ใน​โลกนี้
ล้วนแต่มี​ความ​ทุกข์​ด้วย​กัน​ทั้ง​หมด​ทั้ง​สิ้น​
ไม่​มีชีวิต​ใด​เลยที่​เกิดมามี​ความ​สุขที่​แท้จริง

ทำ​นองเดียวกัยศาสนาคริสต์
ที่สอนว่าคนที่​เกิดมา​ใน​โลกนี้
ล้วนแต่มีบาปติดตัวมา​เหมือน​กัน​หมด

ศาสนาพุทธ​จึง​สอนเรื่องวิธีการดับทุกข์

ส่วน​ศาสนาคริสต์สอนวิธีการล้างบาป

ส่วน​รายละ​เอียด​นั้น​ ​มีมากกว่านี้
ถ้า​ท่านสนใจก็กรุณา​ไปศึกษาหาอ่านเพิ่มเติมเองต่อไป​

ขอ​ให้​ท่านโชคดี

และ​ขอ​ให้​ทุก​ ​ๆ​ ​ท่านเจริญ​ใน​ธรรม


จาก​คุณ​ : kongsilp2000 - [ 3 ​ม​.​ค​. 51 22:10:48 ]

===========

พระพุทธศาสนาสอนว่า
ทุกชิวิตที่​เกิดมา​ใน​โลกนี้
ล้วนแต่มี​ความ​ทุกข์​ด้วย​กัน​ทั้ง​หมด​ทั้ง​สิ้น​
ไม่​มีชีวิต​ใด​เลยที่​เกิดมามี​ความ​สุขที่​แท้จริง

"​เรา​จึง​ควรแสวงหาทางดับทุกข์​" ​นั่นแล

จาก​คุณ​ : ดอกคูณที่​จาก​ไป​ - [ 3 ​ม​.​ค​. 51 23:40:12 ]

===========

-------------------------------------------------------

ขออนุญาตทักท้วงคุณ​ kongsilp ​นิดนะครับ

ศาสนาคริสต์สอน​ให้​ ​หลีกเลี่ยงบาป​ ​และ​หลีกเลี่ยงโอกาสทำ​บาป​ ​ครับ
ไม่​ใช่​สอนวิธีการล้างบาป​
การล้างบาป​เป็น​พิธีการ​เข้า​สู่ศาสนาครับ​ ​ตาม​ความ​เชื่อที่ว่ามนุษย์มี​ "บาปกำ​เนิด"
ส่วน​การอภัยบาป​เป็น​พระพรสำ​หรับ​ผู้​ที่สำ​นึกตน​แล้ว​ว่า​ได้​ทำ​ผิดไป​

จาก​คุณ​ : เศียรนาคา​ - [ 4 ​ม​.​ค​. 51 09:21:38 ]

===========

จาก pantip.com
รูปประกอบ จาก คุณดอกคูณที่จากไป

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2551

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551

New Year's Resolutions

ขึ้นปีใหม่แล้วครับ

หลายคนก็ตั้งใจและวางแผนจะทำอะไรให้สำเร็จ
หรืออาจจะตั้งใจเลิกนิสัยบางอย่างในปีนี้

ภาษาอังกฤษ เขาเรียกว่า Resolution ครับ

สำหรับการตั้งเป้าหมาย (Resolution) นี้ มีหลักการอยู่ เรียกว่า S.M.A.R.T.
อันประกอบไปด้วย

1) Specific. (ชัดเจน)บอกแค่ว่าจะ จะทำให้หุ่นดี ไม่มีผลครับ ต้องบอกว่า จะ ลดน้ำหนักลงไป 5 กก
ชี้ชัด ๆ ไปเลยว่าจะทำอะไร

2) Measurable. (วัดได้) อย่างเช่นถ้าบอกว่าจะ สร้างหรือรักษาความสัมพันธ์ดี ๆ กับเพื่อนเก่า ก็ควรตั้งไปเลยว่า จะส่งการ์ดวันเกิดและการ์ดอวยพรให้เพื่อนเก่าเสมอ

3) Achievable. (เป็นสิ่งที่ทำได้) เช่น บอกว่าจะเป็นผู้บริหารที่ดีที่สุด แต่ความจริงแล้วไม่มีอะไรดีที่สุดหรอกครับ เขียนเป็นสิ่งที่วัดได้จะดีกว่า เช่น จะเพิ่มยอดขาย ลดการลาออกของลูกน้อง กี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไป

4) Realistic. (ไม่ไกลเกินความเป็นจริง) เช่น บอกว่า จะหัดเล่นสกีให้ได้ แต่บ้านอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่มีหิมะ อันนี้ก็ไกลความเป็นจริงไปหน่อย

5) Timely. (เงื่อนไขเวลา) เนื่องจากเรากำลังตั้ง New Year Resolution เป้าหมายก็ควรจะทำให้สำเร็จได้ภายในหนึ่งปีนะครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายแบบ S.M.A.R.T นี้หาอ่านได้จาก

Use S.M.A.R.T. goals to launch management by objectives plan Republic Article



หลังจากที่่ได้ตั้ง Resolution เรียบร้อยแล้ว

ก็ควรได้มีการติดตามผลตลอดทั้งปี
เครื่องมือง่าย ๆ อันหนึ่ง ที่ทำให้ได้รู้ประสิทธิผล ของการตั้งเป้าหมายของตนเอง
เป็น Web App. ตัวหนึ่ง ชื่อ Joe' Goals



เพียงเข้าไปที่ http://www.joesgoals.com

กรอกข้อมูลสมัครสมาชิก แล้วก็สร้าง เป้าหมาย (goals) ซึ่งก็สามารถสร้างได้ทั้งสิ่งที่อยากทำ และสิ่งที่ไม่อยากทำ เช่นในตัวอย่าง Exercise ออกกำลัง เป็นสิ่งที่อยากทำ ส่วน Eat out กินข้าวนอกบ้านเป็นสิ่งที่ไม่อยากทำ

Joe's Goals ก็จะสร้างตารางให้ผู้ใช้ได้กรอก ว่าได้ทำกิจกรรมใดไปบ้างในหนึ่งวัน ตารางแนวนอนก็จะเป็นเป้าหมายที่เราได้สร้างไว้ ส่วนตารางในแนวตั้งก็จะเป็นวันอาทิตย์ถึงเสาร์

วันไหนที่เราได้ทำตามเป้าหมายที่ตั้งไ้ว้ ก็ให้คะแนนตัวเอง หนึ่งเดือนผ่านไป ก็มานั่งดูได้ว่า ได้ทำตามเป้าหมายไว้ มากน้อยเพียงใด


ลองเล่นดูครับ ผมสมัครเรียบร้อยแล้ว แล้วจะเอาคะแนนมาอวด



ข้อมูลเพิ่มเติม เรื่อง Resolution จาก lifehacker.com

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551

วันพระ ปีใหม่ 2551

สวัสดีปีใหม่ 2551


ปฏิทินวันพระ 2551 บน Google calendar ได้ถูก update แล้วนะครับ
สำหรับท่านผู้อ่านที่ใช้ GCal หรือ Google Calendar ในการจดบันทึกนัดหมายสามารถรวม ปฏิทินวันพระเข้ากับปฏิทินส่วนตัวของท่าน โดยกด ปุ่มด้านข้างใน web http://jit-jai-d.blogspot.com

สำหรับผู้ที่ ไม่ได้ใช้ปฏิทินของ Google สามารถ download ปฏิทินวันพระ 2551
ฉบับของกรมศาสนา ได้ ที่นี่

สวัสดีปีใหม่ 2551
ขอให้ทุกคนมีความสุขครับ